โดยนางอรัญญา ชัยบำรุง หนึ่งในผู้เสียหายให้การว่า เมื่อประมาณ 1 สัปดาห์ที่แล้ว ตนกับนางนิยม ประกอบธรรม อายุ 42 ปี และ น.ส.ณิชมน พรหมมี อายุ 23 ปี ได้เดินทางไปเที่ยวที่ร้านกาน้ำผับ และได้รู้จักกับนายสมชาย โดยบังเอิญ ซึ่งเจ้าตัวได้อ้างว่ามีอาชีพเป็นตำรวจอยู่ที่ จ.ยะลา แต่ขอลากลับมาเยี่ยมบ้านที่เมืองพัทยา หลังพูดจากตีสนิทอยู่พักหนึ่ง นายสมชาย จึงอ้างอีกว่ามีผู้บังคับบัญชาซึ่งเป็นนายตำรวจใหญ่คนหนึ่งมีอาชีพเสริมด้วย การปล่อยเงินกู้นอกระบบแต่ดอกเบี้ยต่ำประมาณ 10 เปอร์เซ็น และตนเองสามารถเจรจาขอกู้ให้ได้ไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาท แต่ต้องเสียค่านายหน้า 1 หมื่นบาท ตนกับเพื่อนหลงเชื่อจึงขอกู้เงินและรวมเงินกันได้ 3,000 บาทจ่ายให้ไปก่อน และนัดจ่ายอีกครั้งในวันนี้
นางอรัญญา ให้การอีกว่า ต่อมาตนโทรศัพท์นัดให้นายสมชาย มาเอาเงินส่วนที่เหลือ 7,000 บาท ที่ร้านอาหารแบกะดิน ในซอยเพชรตระกูล กระทั่งเจ้าตัวมาตามนัดตนจึงแอบไปเข้าห้องน้ำเพื่อโทรศัพท์แจ้งตำรวจ แต่เมื่อออกมากลับพบว่านายสมชาย ไหวตัวทัน ขับรถ จยย.หลบหนี แต่ก็มาถูกตำรวจจับได้ในที่สุด
ด้านนายสมชาย ผู้ต้องหารายนี้ ให้การรับสารภาพว่า ตนมีอาชีพเป็นผู้ตัดสินฟุตบอลใน อ.บางละมุง รับจ้างตัดสินฟุตบอลตามงานทั่วไป ซึ่งตนรู้จักนายตำรวจคนดังกล่าวและสามารถขอกู้เงินได้จริง แต่อาจจะมีอะไรผิดพลาดเล็กน้อย จึงไม่สามารถติดต่อเจ้าของเงินกู้ได้
ภายหลังการสอบสวนเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหาฉ้อโกงทรัพย์ ก่อนส่งตัวให้ ร.ต.อ.เฉลียว บุญคุ้ม ร้อยเวรสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมาย หากประชาชนคนไหนสงสัยว่าจะถูกนายสมชาย หลอกลวงตามพฤติกรรมดังกล่าวก็สามารถชี้ตัวและแจ้งความเพิ่มเติมได้.
