Sunday, May 30, 2010

AP ระบุไทยเจอความท้าทายมากมายในการฟื้นฟูภาพลักษณ์และการท่องเที่ยว



31 พค. 2553 08:28 น.

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า บรรดาผู้ประท้วงเสื้อแดงพากันกลับบ้านไปแล้ว แต่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยยังมีตัวเลขเป็นสีแดงบ่งบอกการขาดทุนอยู่ หลังจาก 2เดือนของการประท้วงตามท้องถนนเพื่อกดดันให้มีการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ยุติลงด้วยทหารติดอาวุธของรัฐบาล ถนนที่เต็มไปด้วยควันไฟจากการบุกเผาสถานที่ต่างๆและการปล้นสดมภ์ตามร้านค้าของกลุ่มผู้ประท้วงเสื้อแดง เป็นภาพที่ติดตาหลายคน รวมทั้งสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติและคนในชาติเอง
หลังจากการประท้วงเพิ่งผ่านพ้นไปได้เพียง 1 สัปดาห์เศษๆ ไทยมีปัญหาท้าทายมากมายในการฟื้นฟูภาพลักษณ์และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การประท้วงในย่านชอปปิ้งหลักและย่านนักท่องเที่ยวที่มีมาตั้งแต่เดือนเมษายน ได้ทำให้นักท้องเที่ยวลดฮวบ มีการเปลี่ยนการคาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวจาก 15 ล้านคนเหลือเพียง 12 ล้านคนในปีนี้
รัฐบาลไทยคาดว่าการเผชิญหน้าทางการเมืองและความรุนแรงที่ตามมา สร้างความเสียหายระหว่าง 6 หมื่น- 7 หมื่นล้านบาทให้กับรายได้ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว และกำลังเจรจากับสมาคมการท่องเที่ยวต่างๆเพื่อระบุจำนวนที่แน่นอนของความสูญ เสียอยู่ แต่ในตอนนี้ รัฐบาลได้เตรียมpacket 5,000 ล้านบาทไว้ช่วยอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบแล้ว โดยกำลังรอการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีอยู่


Tuesday, May 25, 2010

สถานการณ์การเมืองทำ คนแห่ใช้สื่อใหม่(new media) ยอดพุ่ง1.8 ล้าน


ข้อมูลจากเว็บไซต์เครือเนชั่น รายงานว่า ยอดผู้ชมเพิ่มเท่าตัวทุกเว็บไซต์เมื่อรวมกันแล้ว ยอดผู้เข้าชมทะยานขึ้นอันดับ 1 และเป็นครั้งแรกที่เว็บไซต์เนชั่นแชนแนล ติดอันดับท็อปเทนของ "truehits" เหตุคนกระหายข่าว ต้องการเกาะติดเหตุการณ์ใกล้ชิด


สัปดาห์ที่ 17-21 พ.ค. 2553 เป็นช่วงที่สถานการณ์การชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดง พุ่งขึ้นถึงขีดสุด internet กลายเป็นช่องทางที่คนเลือกติดตามเพื่อรับข้อมูลข่าวสาร ด้วยเหตุผลของความรวดเร็ว ต่อเนื่อง ไม่มีข้อจำกัดในเรื่องเวลาและพื้นที่การนำเสนอ ไม่ปิดบังหรือชี้ ทำให้สามารถรับรู้ข่าวสารได้รอบทิศทาง ทั้งข่าวสาร ภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหว ส่งผลให้เว็บไซต์ "truehits ซึ่งมีบทบาทในการรวบรวมสถิติการเข้าชมเว็บไซต์ในประเทศไทย ได้ระบุไว้ว่า ในวันที่ 19 พ.ค. 2553 เป็นวันที่คนไทยใช้อินเทอร์เน็ต พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ และคีย์เวิร์ดบนอินเทอร์เน็ตที่ถูกค้นมากสุด คือ ดูทีวีออนไลน์ และข่าวด่วน

โดยในช่วงเวลา 20.00-21.00 น. ของวันที่ 19 พ.ต. การใช้อินเทอร์เน็ตมีทราฟฟิกเพิ่มประมาณ 14.26% ตั้งแต่ 21.00-22.00 น. เพิ่มเป็น 16.17% และตั้งแต่ 22.00-24.00 น. พุ่งเป็นกว่า 22% มีการประเมินทราฟฟิกทั้งหมดของผู้เข้าใช้อินเทอร์เน็ตวันที่ 19 พ.ค. 2553 มีผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ต่างๆ บนอินเทอร์เน็ตประมาณ 150 ล้านครั้ง จำนวน UIP หรือผู้เข้าชมเว็บไซต์ ทั้งหมด 1.8 ล้านไอพี และกลุ่มเว็บไซต์ที่ได้รับความสนใจในวันนั้น คือ เว็บไซต์ของสำนักข่าวต่างๆ

ในวันที่ 19 พ.ค. 2553 ทราฟฟิกของเว็บไซต์ Nationchannel.com ทะยานพุ่งขึ้นสูงสุด ส่งผลให้ติดอันดับ top 10 เป็นครั้งแรก โดยมีผู้ใช้งานมากที่สุด จากการจัดอันดับของ truehits ด้วยยอด UIP 246,638 , Pageview 1,672,823 หรือประมาณ 120% จากช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ด้วยความกระหายข่าวของคนไทย ผู้เฝ้าติดตามสถานการณ์ด้วยความวิตกกังวล

ในส่วนของ Nation live broadcast ผ่านอินเทอร์เน็ตก็ได้รับความนิยมสูงสุดเช่นเดียวกัน โดยวันที่ 19 พ.ค. 2553 ได้ทำสถิติสูงที่สุดหลังจากเปิดให้บริการมา 10 ปี มีจำนวนผู้เข้าชมมากถึง 7 หมื่นครั้ง และเวลา 15.00 น. เป็นช่วงที่พีคที่สุด จำนวนผู้ชมพร้อมๆ กันทันที (Concurrent) เกือบ 7 พันคน

เว็บไซต์หลักในเครือเนชั่นมียอดผู้เข้าชมสูงสุดทุกเว็บไซต์ ในช่วงเวลาดังกล่าว ประกอบด้วย www.nationmultimedia.com ของ หนังสือพิมพ์ The Naiton ซึ่งมี UIP 105,175 และ PV 996,175 เพิ่มขึ้นจากปกติถึง 100% ขณะที่เว็บไซต์ หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ www.bangkokbiznews.com จำนวนผู้เข้าชม หรือ UIP อยู่ในระดับ 115,593 และจำนวนหน้าที่คลิกอ่าน หรือ PV สูงถึง 895,701 เพิ่มขึ้นจากปกติถึง 94% สำหรับเว็บไซต์ www.komchadluek.net หนังสือพิมพ์คมชัดลึก ยอด UIP 141,985 และ PV 688,257 เพิ่มขึ้นจากปกติถึง 97% เว็บไซต์ www.oknation.net หรือเว็บบล็อก "นักข่าวอาสา" มี UIP 213,509 และ PV 988,713 เพิ่มขึ้นจากปกติถึง 128%

ทั้งนี้ เมื่อนำ UIP ของ เว็บไซต์หลัก 5 เว็บในเครือเนชั่นมารวมกันแล้ว ปรากฏว่ายอดผู้อ่านทะยานขึ้นไปเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทย ด้วย UIP 822,900 สูงกว่าเว็บไซต์ sanook.com ซึ่งครองแชมป์เว็บไซต์อันหนึ่งของทรูฮิตมาตลอด โดยในวันนั้น sanook.com มียอด UIP 814,734



ตื่นหมู่บ้านทองคำ ขุดเป็นเจอ มีเศรษฐีใหม่เพิ่มทุกวัน



เป็นที่ฮือฮาเมื่อชาวบ้านต่างแห่กันขุดทองที่ท้ายหมู่บ้านบ่อนางชิง อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว แหล่งข่าวบอกพบสายแร่ทองคำเมื่อ 3 เดือนก่อน และเมื่อ ข่าวแพร่ออกไป ก็มีคนมาขุดเจอทองเกือบทุกวัน จนต่างร่ำรวยเรียกได้ว่า รวยยกหมู่บ้าน ถอยรถป้ายแดง ซื้อบ้านใหม่กันถ้วนหน้า...

เมื่อวันที่ 25 พ.ค. ได้มีกระแสข่าวพบบ่อแร่ทองคำในพื้นที่ ต.ห้วยโจด อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว บริเวณท้ายหมู่บ้านบ่อนางชิง ม.4 ต.ห้วยโจด เนื้อที่ประมาณ 30 ไร่ ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปพิสูจน์ข้อเท็จจริง เมื่อไปถึงพบว่ามีประชาชนมากกว่า 100 คน กำลังลงมือขุดดินเป็นหลุมลึกประมาณ 1-2 เมตร กว้างประมาณ 2-3 เมตร กว่า 50 หลุม เพื่อหาแร่ทองคำ โดยที่นายไสว กุลศิริ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 48 ม.4 ต.ห้วยโจด อ.วัฒนานคร เป็นผู้โชคดี โดยขุดได้ทองคำน้ำหนักประมาณ 1 กรัมแล้ว

ด้านนายสุบัน ท์ เซียมกิ่ง ผู้ใหญ่บ้าน ม.4 ต.ห้วยโจด อ.วัฒนานคร กล่าวว่า พื้นที่ซึ่งประชาชนขุดทองครั้งนี้ เป็นที่ดินมีหลักฐาน นส.3 ก. ของนายอัมพร ซังชมแก้ว ซึ่งฐานะดี บ้านอยู่ ต.ท่าเกษม อ.เมือง จ.สระแก้ว มีเนื้อที่ประมาณ 30 ไร่ เจ้าของได้อนุญาตให้ชาวบ้านเข้ามาขุดหาทองโดยเก็บค่าเช่าหน้าดินล็อกละ 300-500 บาท ขนาดยาว 4 เมตร กว้าง 2 เมตร ส่วนที่ดินแปลงติดกันเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ เป็นของ จ.ส.อ.บุญลือ ชุยอิว อายุ 80 ปี บ้านอยู่เลขที่ 180 ม.4 ต.ห้วยโจด อ.วัฒนานคร ซึ่งเปิดให้ชาวบ้านขุดทองฟรี แต่ทองที่ได้ต้องขายให้ จ.ส.อ.บุญลือ ราคากรัมละ 950 บาท จนมีชาวบ้านจากหลายพื้นที่แห่กันมาขุดทองในที่ดินทั้ง 2 แปลง

ทั้งนี้ ชาวบ้านเริ่มขุดตั้งแต่เมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา แต่ละวันได้ทองเกือบทุกคน เฉลี่ยประมาณ 1 กรัมต่อวัน ส่วนผู้โชคดีเมื่อเดือนที่ผ่านมาได้ทองคำก้อนใหญ่ไม่ทราบน้ำหนัก แต่นำไปขายร้านทองได้เงิน 4 ล้านบาท จนกลายเป็นเศรษฐีใหม่ในหมู่บ้านบ่อนางชิงไปอีกคน ส่วนชาวบ้านทั่วไปในหมู่บ้านไม่น้อยหน้ามีรายได้จากการขุดหาทองทุกคน โดยจะเห็นได้จากการสร้างบ้านหลังใหม่และซื้อรถป้ายแดง

นายสุบันท์ กล่าวต่อว่า ชาวบ้านในหมู่บ้านบ่อนางชิงแห่งนี้โชคดีมาก เพราะพื้นที่ทั่วทั้งหมู่บ้านมีเนื้อที่ประมาณ 18,000 ไร่ มีแร่ทองคำและทองคำน้ำหนักตั้งแต่ 1 กรัม จนถึงหลายกิโลกรัมแทบทุกตารางวา ซึ่งจากการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยืนยันว่า ในพื้นที่รอบบริเวณบ้านบ่อนางชิงนี้ เคยเป็นเหมืองทองคำมาก่อน โดยจะเห็นได้จากหลักฐานต่างๆ เกี่ยวกับการขุดหาทองคำของคนโบราณที่ชาวบ้านขุดได้. บางทีอาจจะเคยเป็นเมืองโบราณที่เจริญรุ่งเรืองมาก่อนหรือเปล่านะ ..

Sunday, May 23, 2010

เจ้ย อภิชาติพงศ์ สร้างชื่ออีกครั้ง คว้าปาล์มทองคำจากเทศกาลหนังเมืองคานส์ ครั้งที่ 63




24 พค. 2553 06:38 น.




นายอภิชาติพงศ์ หรือเจ้ย วีระเศรษฐกุล ผู้กำกับภาพยนตร์ไทยแนวอินดี้ชื่อดัง สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทยอีกครั้ง ด้วยการชิงรางวัลปาล์มทองคำในสายประกวดหลัก เทศกาลหนังนานาชาติเมืองคานส์ครั้งที่ 63 จากภาพยนตร์เรื่อง "ลุงบุญมีระลึกชาติ"/ “Uncle Boonmee Who Can Recall His Past Lives” และสามารถคว้ารางวัลสูงสุด “ปาล์ม ดี’ออร์” (Palm d’or) หรือปาล์มทองคำ มาครอบครอง เอาชนะหนังที่เป็นตัวเต็งของรางวัลนี้อย่างเรื่อง "อนาเธอร์ เยียร์" ของผู้กำกับชาวอังกฤษ ไมค์ เลห์ ไปได้ และ รายงานจาก IndieWIRE จาก การสำรวจความเห็นของผู้อ่าน พบว่า หนังไทยเรื่อง ลุงบุญมีระลึกชาติ ของผู้กำกับคนเก่ง คุณเจ้ย อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล เป็นหนังที่คนอยากดูที่สุด ในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ประจำปีนี้ด้วย

"ลุงบุญมีระลึกชาติ" เรื่องราวเชิงเหนือจริง นั่งสมาธิสะกดจิต และระลึกชาติ โดยลุงบุญมี ชายซึ่งกำลังจะตายจากโรคร้าย ถูกภรรยาที่ตายไปมาหลอกหลอน รวมถึงลูกชายที่หายสาบสูญไปนานก็กลับมาจากป่าในสภาพที่คล้ายลิง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ลุงบุญมีสามารถระลึกชาติได้ ก่อนจะเสียชีวิตลงพร้อมๆกับการสนทนาถึงเรื่องราวของชีวิตตนเองที่กินเวลายาว นานหลายร้อยปี

ทั้งนี้นายอภิชาติพงศ์ ได้ขึ้นรับรางวัลบนเวทีและกล่าวขอบคุณวิญญาณต่าง ๆ ในไทย ที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จในครั้งนี้


สำหรับคนไทยแล้ว ผลงานของผู้กำกับวัย 39 ปีคนนี้ อาจไม่ค่อยถูกรสนิยมเท่าไหร่ แต่ไม่ใช่สำหรับตลาดต่างประเทศ ที่อ้าแขนรับผลงานของคุณเจ้ยอย่างอบอุ่นทุกเรื่อง ปีนี้ คุณเจ้ยนำงานภาพยนตร์เรื่องใหม่ ไปฉายที่คานส์อีกครั้ง หลังจากเคยได้รับรางวัลชนะเลิศ จากเทศกาลนี้มาแล้ว กับภาพยนตร์เรื่อง สัตว์ประหลาด (Tropical Malady) เมื่อปี 2004 และ สุดเสน่หา (Blissfully Yours) ปี 2002

ดูตัวอย่าง "ลุงบุญมีระลึกชาติ" ที่คว้ารางวัลสูงสุด "ปาล์มทองคำ" เมืองคานส์ 2010 ,BBC บอกว่าเป็นม้ามืดช็อควงการทีเดียว http://bit.ly/bAfnXR


Friday, May 21, 2010

องค์กรสื่อต่างชาติเรียกร้องความปลอดภัยให้นักข่าว



21 พค. 2553 16:45 น.

คณะกรรมการเพื่อการปกป้องสื่อมวลชน หรือ ซีพีเจ กลุ่มที่มีฐานอยู่ที่นิวยอร์ก และทำหน้าที่ดูแลสื่อมวลชนทั่วโลก บอกในวันนี้ว่ารัฐบาลไทยจะต้องมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคง รับประกันเรื่อความปลอดภัยของสื่อมวลชนในเขตที่มีการปะทะ หลังจากที่สื่อมวลชน 2 คนเสียชีวิต และอีก 6 คนบาดเจ็บระหว่างการทำข่าวการสลายการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง
ซีพีเจ บอกว่าทั้งฝ่ายทหาร และทั้งกลุ่มเสื้อแดง ไม่ได้ดำเนินมาตรการอะไรในการปกป้องสื่อมวลชนระหว่างที่เกิดเหตุความรุนแรง ขึ้น
ผู้ประสานงานภูมิภาคเอเชียของทางกลุ่ม นายบ็อบ เดียซ บอกในแถลงการณ์ว่าการรายงานข่าวการจลาจลในไทยเป็นเรื่องอันตราย แต่ก็นานเป็นเดือนแล้วที่ไม่มีฝ่ายที่เป็นปัญหากัน เต็มใจออกมาอนุญาตให้สื่อมวลชนได้ทำหน้าที่ของพวกเขา โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกฆ่าหรือบาดเจ็บ
พร้อมกันนั้นก็เรียกร้องให้ทางการไทยสอบสวนอย่างเต็มที่ ต่อกรณีการเสียชีวิตเมื่อวันพุธของช่างภาพผู้สื่อข่าวชาวอิตาลี เพื่อสรุปว่าใครเป็นผู้รับผิดชอบต่อการตายของเขา และนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม รวมถึงกรณีการตายของนายฮิโร มุราโมโต ตากล้องชาวญี่ปุ่นที่เสียชีวิตระหว่างการทำข่าวการสลายการชุมนุมเมื่อ 10 เมษายน


Thursday, May 20, 2010

ไร้เสียงชื่นชมเหตุเลวร้ายของชาติ



วันศุกร์ ที่ 21 พฤษภาคม 2553 เวลา 7:23 น

การประกาศเคอร์ฟิวในช่วงค่ำจนถึงรุ่งเช้ายังคง มีต่อไปอีกจนถึงเช้าวันอาทิตย์ 23 พ.ค. นี้ ส่วนจะมีการต่อเคอร์ฟิว อีกหรือไม่ ก็อยู่ที่สถานการณ์การเผาเมืองจะยุติลงเด็ดขาดหรือไม่ ถ้ามิสามารถที่จะกวาดล้างผู้ก่อเหตุเผาบ้านเผาเมืองใจกลางกรุงเทพมหานครได้ อย่างราบคาบก็น่าเป็นห่วง เพราะว่าวันจันทร์ที่ 24 พ.ค. นี้ ก็จะเป็นวันเปิดทำงานตามปกติของหน่วยราชการต่าง ๆ พร้อมทั้งโรงเรียนต่าง ๆ ก็จะเปิดเรียนวันแรก ทางรัฐบาลจะต้องหาทาง อย่างใดอย่างหนึ่งที่จะคุ้มครองชีวิตประชาชนผู้บริสุทธิ์ และทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นในการดำเนินชีวิตตามปกติในวันทำงาน

อย่างไรก็ดี เหตุการณ์วันดีเดย์ขอคืนพื้นที่ของ
ศูนย์อำนวยการ แก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินหรือ ศอฉ. ปิดล้อมกด ดันจนแกนนำม็อบเสื้อแดงขอเข้ามอบตัวและให้ยุติการชุมนุม จนเหตุบานปลายเผาบ้านเผาเมืองที่เป็นสัญลักษณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศไทยจนพัง พินาศไปหลายแสนล้านบาท และส่งผลกระทบ ไปถึงด้านต่าง ๆ ที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ ซึ่งมีนักวิชาการหลายฝ่ายต่างก็มองเห็นเหตุจลาจลในวันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา เหตุเลว ร้ายที่สุดในรอบ 100 ปี ของประวัติศาสตร์การเมืองไทย นับว่าเป็นการมองที่ถูกต้องจึงอยากให้ทุกฝ่ายที่เป็นคนไทยจะได้ตระหนักและจด จำเอาไว้

เหตุการณ์ความไม่สงบในกรุงเทพมหานคร ณ
วันนี้ ยังไม่ถึงจุดจบสิ้น แต่ปัญหาทางด้านจิตใจของประชาชนที่ได้ รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุมได้เกิดขึ้นแล้ว และปัญหาความเสียหายทางด้านเศรษฐกิจของไทยก็ได้เกิดขึ้นมานานแล้วนับตั้งแต่ ม็อบเสื้อแดงได้ทำการยึดสี่แยกราชประสงค์เป็นที่ชุมนุมประท้วง เพราะฉะนั้นรัฐบาลจะต้องหามาตรการแก้ไขปัญหาผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจให้ ประเทศชาติให้เป็นรูปธรรมโดยด่วน ควบคู่ไปกับการแก้ไขปัญหาการเมือง ถ้ามาตรการเยียวยาเศรษฐกิจจะดีเพียงใด แต่การแก้ปัญหาการเมืองไม่ได้ดีก็จะส่งผลเสียถึงเศรษฐกิจเช่นเดิม

จากกระแสต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศที่สะท้อนออกมาจากการสลายม็อบ ด้วยกำลังทหาร และม็อบบางคนก่อเหตุร้ายจุดไฟท่วมเมือง ไม่มีเสียงใด ๆ ที่จะชื่นชมฝ่ายใดเลย ถึงแม้รัฐบาลจะมีความชอบธรรมตามกฎหมายในการดำเนินการ แต่ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนหนึ่ง และม็อบก็จุดชนวนเผาเมืองขึ้นมา เหตุการณ์ที่ผ่านมานั้นชี้ให้เห็นว่าการเปิดโต๊ะเจรจากันด้วยความจริงใจเท่า นั้นที่จะไม่ก่อให้เหตุการณ์ลุกลามจนประเทศชาติพังยับเยิน ก็อยากให้ทุกฝ่ายเก็บไปคิดเพื่อมิให้เกิดขึ้นมาในอนาคตอีก รัฐบาลก็จะไม่ต้องเปื้อนเลือด และม็อบก็จะไม่กลายเป็นผู้ก่อการร้าย.

ที่มา : Daily News

ลาววิตกคนไทยทะเลาะกันเพราะได้รับผลกระทบไปด้วย


20 พค. 2553 14:32 น.

นายบัวสอน บุบผาวัน นายกรัฐมนตรีลาว ซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางเยือนญี่ปุ่น กล่าวระหว่างการไปพูดในการประชุมทางธุรกิจที่กรุงโตเกียววันนี้ แสดงความวิตกกังวลต่อกรณีความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นประตูสำหรับการค้าขายและการเดินทางที่สำคัญของคนลาว
นายกรัฐมนตรีลาวบอกว่า ปัญหาการไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองในเมืองไทย สร้างความวิตกกังวลอย่างมากให้กับลาวด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากการที่ทั้งสองประเทศมีพรมแดนที่ติดต่อกัน และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวใช้ท่าเรือของไทยในการส่งออกและนำเข้า สินค้า ลาวจึงได้รับผลกระทบโดยตรงไปด้วย
นายกรัฐมนตรีลาว ยังเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับความวุ่นวาย หาทางตกลงให้ได้โดยเร็ว เพื่อว่าปัญหาการไม่มีเสถียรภาพทางการเมือง จะได้รับการแก้ไขโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเสถียรภาพทางการเมืองในไทย มีส่วนสนับสนุนต่อเสถียรภาพของกลุ่มอาเซียนโดยรวมด้วย




human rights watch ตำหนิทั้งทหารและเสื้อแดง



20 พค. 2553 15:52 น.

กลุ่มฮิวแมน ไร้ท์ ว็อตช์ ซึ่งรณรงค์ด้านสิทธิมนุษยชน และมีฐานอยู่ที่นิวยอร์ก ออกมาตำหนิทั้งฝ่ายทหารและผู้ประท้วงกลุ่มเสื้อแดงว่า ต่างก็ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ระหว่างการปราบปรามการประท้วงตามท้องถนนในกรุงเทพเมื่อวาน
นายฟิล โรเบิร์ตสัน รองผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียของทางกลุ่มบอกว่า รู้สึกเป็นห่วงอย่างมากต่อการกระทำของทั้งสองฝ่าย สถานการณ์ในกรุงเทพอยู่นอกเหนือการควบคุมก็เพราะการดำเนินการที่ผิดพลาดของ ทั้งสองฝ่าย ทางกลุ่มจึงขอทั้งสองฝ่ายให้ความเคารพและอำนวยความสะดวกให้เจ้าหน้าที่แพทย์ ฉุกเฉิน ส่วนฝ่ายนักรบที่สู้รบ ก็ให้หยุดใช้อาวุธอันตรายผิดกฏหมาย และรับประกันเรื่องเส้นทางหลบหนีที่ปลอดภัยสำหรับคนที่พยายามหลบหนีออกจาก ความรุนแรง และกลุ่มติดอาวุธที่ต่อต้านรัฐบาลก็ควรหยุดเล็งเป้าไปที่ผู้สื่อข่าวโดย ทันที
ในช่วงก่อนที่เกิดความรุนแรง ทางกลุ่มยังวิจารณ์รัฐบาลเรื่องการปิดกั้นสื่อมวลชนและไม่ยอมให้ข้อมูล เกี่ยวกับจำนวนผู้ที่ถูกจับ ขณะที่ญาติของผู้ถูกจับก็ยังไม่สามารถติดต่อกับคนเหล่านี้ได้ ขณะเดียวกันก็ตำหนิกลุ่มเสื้อแดง ที่ใช้เด็กเป็นโล่ห์มนุษย์ว่าเป็นพฤติกรรมที่เลวทราม


wall street journal วิเคราะห์ ศก.ไทย หลังสลายม็อบเสื้อแดง


20 พค. 2553 16:18 น.

บทความในหนังสือพิมพ์วอลสตรีท เจอร์นัล ฉบับวันนี้ ระบุว่า ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลบอกว่าทางการคาดเอาไว้แล้วว่า จะเกิดความรุนแรงหลังเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง แต่นักวิเคราะห์การเมืองวิตกว่าอาฟเตอร์ช็อคทางการเมือง ยิ่งจะทำให้การต่อสู้ระหว่างฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่มีอำนาจอยู่ในมือกับชาวชนบท หรือขบวนการประชานิยมที่อดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณจัดตั้งขึ้น เลวร้ายลง
นายไมเคิล มอนเตซาโน ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการเมืองไทย และนักวิจัยสถาบันเอเชียตะวันออกศึกษาที่สิงคโปร์บอกว่า การสลายการชุมนุมเมื่อวันพุธ และความรุนแรงที่ตามมา เป็นอันตรายกับการอยู่รอดทางการเมืองของนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เพราะการที่กลุ่มผู้ประท้วงล้มเหลวในการขับไล่นายกรัฐมนตรี ยิ่งจะทำให้พวกเขาโกรธแค้นมากขึ้น
ขณะเดียว ด้านนายธิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ นักรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยก็บอกว่า ในกลุ่มผู้ประท้วงเสื้อแดงอาจใช้ยุทธศาสตร์แบบ hit-and-run หรือซุ่มโจมตีแล้วหลบ เพราะตอนนี้พวกเขามีความรู้สึกเหมือนถูกตัดสิทธิ์ จึงไม่เคารพระบบอีกต่อไป ขณะที่รัฐบาลก็ยังคงดิ้นรนหาทางแก้ไขปัญหากรณีพิพาทในแนวทางสันติต่อไป
ด้านนักเศรษฐศาสตร์บอกว่าการจลาจลอาจทำให้โอกาสทางเศรษฐกิจของประเทศเสียหาย ต่อไป ในช่วงที่เพื่อนบ้านต่างกำลังฟื้นตัวจากวิกฤติเศรษฐกิจ โดยหากการจลาจลขยายไปยังที่อื่น ก็อาจทำให้ประเทศไม่มีเสถียรภาพในแบบที่สามารถปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ทาง เศรษฐกิจของประเทศ จากการเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจเปิดกว้าง และเน้นเรื่องการส่งออก ได้นานหลายปี
ส่วน สัญชัย มาเธอร์ นักเศรษฐศาสตร์เอเชีย จากธนาคารรอยัล ออฟ สก็อตแลนด์ ในสิงคโปร์ บอกว่า ไทยอาจถูกกระหน่ำ หากการจลาจลในกรุงเทพ ถูกต่างจังหวัดลอกเลียนแบบไป
ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมน แซ็คส์ เตือนว่า ไทยยังคงเจอกับอุปสรรคสำคัญหลายเรื่อง ก่อนที่นักลงทุนจะสามารถมั่นใจได้ว่า ประเทศจะกลับมาเดินได้ตามปกติ รวมถึงความจำเป็นที่จะต้องให้มีการเลือกตั้งใหม่ และการออกมาตรการที่จะลดความไม่เท่าเทียมกันของรายได้ที่ยังแตกต่างกันอยู่ มาก ซึ่งเรื่องแบบนี้ต้องการสถานการณ์การเมืองที่นิ่ง แต่จากปัญหาที่เกิดขึ้น ก็เท่ากับผลักดันให้ความสำเร็จในเรื่องนี้ ลอยไกลออกไป ความไม่แน่นอนทางการเมืองที่ยังดำเนินอยู่ ทำให้ไทยอยู่ในสภาพที่เป็นรอง เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน
ด้านวิลเลี่ยม ไฮเน็คเก้ ประธานและผู้บริหารโรงแรมและบริษัทค้าปลีก ไมเนอร์อินเตอร์เนชั่นแนล พีแอลซี บอกว่า บริษัทของเขาสามารถกลับมาเปิดกิจการโรงแรมและร้านอาหารในไทยได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็เกรงว่า นักท่องเที่ยวอาจจะไม่เลือกมาที่ไทยอีกนาน
แต่ผู้บริหารและนักลงทุนบางคนก็มองว่าการเคลียร์กลุ่มผู้ชุมนุม ชี้ว่าไทยกำลังกลับสู่ภาวะปกติ อย่างเกรซ แทม รองประธานฝ่ายการลงทุนของเจพี มอร์แกน แอสเซต เมเนจเม้นต์ ในฮ่องกง บอกว่า ความไม่แน่นอนยังคงอยู่ แต่ก็คงไม่แย่ไปกว่านี้แล้ว ขณะที่คนอื่นๆก็บอกว่าความรุนแรงอาจจะทำให้ภาพพจน์ประเทศเสียไป แต่รัฐบาลก็แสดงให้เห็นว่าสามารถบังคับใช้กฏหมายได้


เครื่อข่ายสังคมออนไลน์ปฏิวัติการรายงานข่าววิกฤตการเมืองไทย




20 พค. 2553 19:58 น.


สำนักข่าวดีพีเอรายงานว่าด้วยเทคโนโลยีการสื่อสารอย่างการรายงานสดผ่านดาว เทียมด้วยความช่วยเหลือของคอมพิวเตอร์แล็บท็อพ รวมถึงระบบเครือข่ายโซเชี่ยล เน็ตเวิร์ค อย่างยูทูบและทวิตเตอร์ ได้ก่อให้เกิดการปฏิวัติการรายงานข่าววิกฤตการณ์การเมืองในไทย
นายเอริค เซลดิน โปรดิวเซอร์โทรทัศน์อิสระ ที่รายงานข่าวเกี่ยวกับวิกฤติการณ์การเมืองไทยมาตั้งแต่ต้นบอกว่า หากไม่มีทวิตเตอร์คงไม่มีใครรู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น มันเป็นเรื่องการหลั่งไหลของจิตสำนึก ทุกสิ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น ปัจจุบันเครือข่ายสื่อทางอินเตอร์เน็ตสามารถพิสูจน์ตัวเองได้แล้วในเรื่อง ความน่าเชื่อถือ ไม่ว่าจะเป็นการรายงานข่าววิกฤติการณ์การเมืองในอิหร่านปีที่แล้ว หรือเหตุแผ่นดินไหวที่เฮติ และชิลีในปีนี้
เซลดินบอกว่า ถ้าเป็นเรื่องของข่าว ตอนนี้ต้องเป็นทวิตเตอร์กับเฟซบุ๊ค สำหรับมายสเปซ ปัจจุบันไม่มีใครใช้แล้ว หนึ่งในตัววัดความสำเร็จของทวิตเตอร์ระหว่างวิกฤตการณ์การเมืองไทยก็คือการ ปรากฏรูปปลาวาฬขึ้นบ่อยครั้งบนจอคอมพิวเตอร์หรือมือถือ เพื่อแจ้งว่าศักยภาพของทวิตเตอร์ไม่สามารถรองรับการใช้บริการที่สูงมากได้ แต่เซลดินก็บอกว่า ศักยภาพการรับข้อมูลแบบเรียลไทมส์จากมือถือ ไม่ได้ลบล้างความจำเป็นในการพิจารณาข้อมูล เพราะในข้อมูลที่ส่งมา มีข้อมูลที่ผิดมากมาย ตัวเขาเองก็ต้องแยกแยะอยู่ตลอด ต้องมีการตรวจสอบข้อมูลหลายชั้น และไม่นานก็สามารถทราบได้เองว่าข้อมูลของใครน่าเชื่อถือ การที่วิกฤตการณ์เสื้อแดงนำไปสู่ข่าวลือมากมาย ผู้ให้บริการข่าวและผู้บริโภคข่าวจึงเลี่ยงที่จะใช้บริการของสื่อแบบเดิม ทำให้นักข่าวสมัครเล่นหลายคนแจ้งเกิด เมื่อนำวีดีโอที่ถ่ายมาได้โพสต์ลงอินเตอร์เน็ต ทำให้หลายคนอยากเดินตามรอย แต่ก็มีการเตือนว่า การลงไปทำข่าวภาคสนามในสถานการณ์เช่นนี้อันตรายต่อชีวิต และไม่ควรมีใครได้รับอันตรายจากความอยากดัง
หนึ่งในเหตุผลที่นักข่าวสมัครเล่นและมืออาชีพต้องระวังตัวให้มากก็คือการ ปรับเปลี่ยนท่าทีของกลุ่มคนเสื้อแดง จากตอนแรกที่พวกเขาแสดงท่าทีเป็นมิตรกับสื่อมวลชน ท่าทีก็กลับเปลี่ยนไปเป็นศัตรูเมื่อถูกทหารเข้าปราบปราม และในวันนั้น นักข่าวก็ถูกยิงตายและบาดเจ็บหลายคน ขณะเดียวกันก็หน้านั้นก็มีการเตือนว่า นักข่าวอาจจะตกเป็นเป้าของฝ่ายทหารด้วย


รอยเตอร์สวิเคราะห์ ไทยจะมุ่งไปในทิศทางใด



21 พค. 2553 09:21 น.

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานเมื่อวันพฤหัสบดีว่า ความสงบได้กลับคืนมาในกรุงเทพฯแล้ว หลังจากการใช้ปฏิบัติการทางทหารเข้าสลายการชุมนุมของผู้ประท้วงที่ใจ กลางกรุงเทพฯ ยุติการเผชิญหน้านาน 9 สัปดาห์ระหว่างผู้ประท้วงกับรัฐบาล ทำให้เกิดการจลาจลครั้งเลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ไทยยุคใหม่ สำนักข่าวรอยเตอร์สได้วิเคราะห์ความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นในไทยต่อไปไว้รวม 5 แนวทางดังนี้
1. การต่อต้านสงบลง ตกลงกันได้เรื่องแผนการเลือกตั้ง 2. มีสงครามกองโจรรุนแรงมากขึ้นในต่างจังหวัด 3. อภิสิทธิ์ถูกปลด ตั้งรัฐบาลรักษาการณ์ 4. อภิสิทธิ์ถูกปลด ตั้งรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ 5. รัฐบาลไม่อาจควบคุมความสงบ และกองทัพก่อรัฐประหาร
รอยเตอร์สสรุปเองเช่นกันว่า แนวทางสุดท้ายนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นจริง จะไม่เกิดผลดีต่อการเงินของประเทศไทย และอาจส่งผลต่อตลาดการเงินชาติอื่นๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย


AFPชี้สหรัฐฯต้องระวังเรื่องวุ่นวายกับไทย


21 พค. 2553 09:58 น.

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่นว่า รัฐบาลกำลังเผชิญกับภารกิจละเอียดอ่อนในความพยายามสนับสนุนการสร้างความ สมานฉันท์ในไทยซึ่งเป็นชาติพันธมิตร ของสหรัฐฯมายาวนาน โดยไม่เกิดความเสี่ยงต่ออิทธิพลของตนในไทย
เอเอฟพีระบุว่า มีเพียงไม่กี่ประเทศที่ไม่ใช่ชาติตะวันตกที่มีความสัมพันธ์ที่ฝังรากลึกกับ สหรัฐฯเหมือนไทย เป็นที่รู้กันดีสมัยที่ยังใช้ชื่อว่าสยาม ไทยเคยเสนอจะส่งช้างไปช่วยประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น สู้รบในสงครามกลางเมือง และไทยยังช่วยเหลือสหรัฐฯอย่างมากในสมัยสงครามเวียดนาม กับส่งทหารไปอิรัก
ประเด็นเรื่องความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ ไม่เกี่ยวข้องกับการประท้วง"เสื้อแดง" แต่ในช่วงที่ยังเกิดความแตกแยกในไทยนี้ ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าสหรัฐฯต้องใช้ความระมัดระวัง ไม่ก่อความบาดหมางทั้งกับชนชั้นสูงในไทย และทั้งกับผู้ประท้วงเสื้อแดง
นายโจชัว เคอร์แลนท์ซิค ผู้เชี่ยวชาญเรื่องไทยของสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเตือนว่าหากสหรัฐฯ มีนโยบายมีปฏิสัมพันธ์เฉพาะกับคนชั้นสูงของไทย ก็จะสร้างความไม่พอใจสหรัฐฯขึ้นในหมู่เสื้อแดง ในลักษณะเดียวกันกับประธานาธิบดีฮิวโก้ ชาเวซของเวเนซูเอล่า รัฐบาลชุดนี้ของสหรัฐฯใช้ความระมัดระวังในการไม่เข้ากับฝ่ายใดมากกว่าเมื่อ ปี 2549 ที่รัฐบาลของประธานาธฺบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ไม่ได้วิจารณ์รุนแรงต่อการก่อรัฐประหารโค่นนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นที่เคารพของเสื้อแดงส่วนใหญ่ เขามองว่าในระยะยาวท่าทีระวังงตัวของรัฐบาลสหรัฐฯแบบนี้เป็นสิ่งดี เพราะไม่รู้ว่า ฝ่ายใดในไทยจะได้ปกครองประเทศ


สาเหตุที่ Intel ไปตั้งโรงงานที่เวียดนาม จากปากของกรรมการผู้จัดการ Intel ประเทศไทย



ข่าวอาจจะเก่าสักหน่อย แต่เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง สำหรับรับรู้ความเป็นไปของความด้อยประสิทธิ์ภาพ และให้รู้ว่าต้นทุนอะไรบ้างที่เราด้อยกว่าคนอื่นด้วยเพราะระบบห่วยๆของเราเอง


เผยแพร่เมื่อ 19 October 2007 โดย MacroArt

วันนี้ไปร่วมงานสัมมนา Intel CIO Forum: Digital Enterprise Seminar 2007 Maximize your IT ROI in a Changing Economy ซึ่งเป็นงานสัมมนาฟรีที่ Intel จัดขึ้นทุกปี

งานในปีนี้จัดได้น่าสนใจครับ ช่วงแรกคุณเอกรัศมิ์ อวยสินประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเทล ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้บรรยายและแสดง roadmap ของ CPU ในอนาคตอันใกล้ เนื้อหาเยอะมากครับ และผมเองไม่ใช่เซียนด้านฮาร์ดแวร์ ฟังมาแบบงูๆ ปลาๆ ก็พอสรุปได้ว่า Intel กำลังจะเข้าสู่เทคโนโลยีขนาด 45 นาโนเมตร ซึ่งจะทำให้ CPU มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ต้นทุนต่ำลง และประหยัดไฟมากขึ้น

นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Intel vPro ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถ remote access เข้าไปควบคุมคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นในระดับฮาร์ดแวร์ได้ ให้ลองนึกภาพการเรียก remote desktop เข้าไปยังเครื่องที่ใช้ Windows หรือการเรียก secure shell ไปยังเครื่องที่ใช้ Linux ซึ่งเป็นการ remote access ในระดับระบบปฏิบัติการ แต่ถ้าระบบปฏิบัติการเกิดแฮงค์ขึ้นมาก็ไม่สามารถ access เข้าไปได้ ขณะที่เทคโนโลยี Intel vPro สามารถเข้าถึงในระดับฮาร์ดแวร์ ลองนึกภาพการใช้คอมพิวเตอร์ของเราเพื่อ remote access ไปอีกเครื่อง แล้วเราสามารถเห็นหน้าจอตอนที่เครื่องนั้นกำลังรีบูทอยู่ปรากฎบนหน้าจอของ เราได้ แต่เทคโนโลยีนี้มีการจำกัดความสามารถให้ทำได้เพียงบางอย่าง เช่น สั่งรีบูท หรือสั่งให้บูทจากซีดีรอมหรือฮาร์ดดิสก์ลูกอื่นได้ และยังมีการเข้ารหัสแบบ 128 บิตไว้ ซึ่งเทคโนโลยีนี้ก็คงจะเหมาะกับธุรกิจที่มีเครือข่ายสาขาหลายแห่ง จะช่วยให้ฝ่ายไอทีสามารถแก้ไขปัญหาของคอมพิวเตอร์ที่สาขาได้สะดวกขึ้น

ช่วงที่สอง Mr. Duncan Hai Liang Lee ตำแหน่ง Enterprise Architect ของ Intel Asia Pacific มาบรรยายเรื่องกรณีศึกษาของ Intel ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องความน่าน้อยเนื้อต่ำใจของ CIO (Chief Information Officer) เวลาคุยเรื่องของบไอทีกับ CEO (Chief Executive Officer) หรือ CFO (Chief Financial Officer) ขอไม่ลงรายละเอียดละกันนะครับ เนื่องจากฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง

ช่วงที่สาม ดร.ศุภวุฒิ สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการ หัวหน้าฝ่ายวิจัย บริษัท หลักทรัพย์ภัทร จำกัด (มหาชน) มาพยากรณ์เศรษฐกิจปี 2551 ทิศทางและแนวโน้มเศรษฐกิจไทย ซึ่งบรรยายได้ดีมากเลยครับ เอาข้อมูลเศรษฐกิจมาให้ดูแล้ววิเคราะห์ออกมาเป็นฉากๆ เลย น่าเสียดายที่ไม่มีการแจก handout ในส่วนนี้ เท่าที่พอจะจำได้ก็คือเรื่องการส่งออกของประเทศไทย GDP ของประเทศในปีนี้ที่โต 4% กว่า ถ้าลองไปแยกย่อยดูจะพบว่ามาจากการส่งออกสุทธิ 3% กว่าแล้ว แปลว่ามีการลงทุนจากภาครัฐบาลและเอกชนไม่ถึง 1%

ถ้าเราลองมาดูเรื่องการส่งออก จะพบว่าที่มีปัญหามากก็คือธุรกิจประเภทที่เน้นการใช้แรงงาน อย่างเช่นธุรกิจสิ่งทอ ซึ่งความสามารถในการแข่งขันในธุรกิจสิ่งทอของประเทศไทยอยู่ในระดับที่สู้ ประเทศอื่นไม่ได้มาตั้งแต่ก่อนวิกฤตปี 2540 แล้ว แต่พอมีวิกฤตจนเงินบาทอ่อนตัวจาก 25 บาทไปเป็น 50 บาท การส่งออกสิ่งทอก็เลยอยู่รอดต่อไปได้อีกสิบปี แต่พอมาถึงวันนี้ที่เงินบาทแข็งค่าขึ้น ประกอบกับคู่แข่งอย่างจีนไล่ตามมา ธุรกิจสิ่งทอก็ลำบากแล้วครับ และมีแนวโน้มว่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นไปอีก

การเข้าไปแทรกแซงค่าเงินบาทให้อ่อนเพื่ออุ้มภาคส่งออกจึงไม่ถูกต้องนัก ที่จริงแล้วธุรกิจส่งออกควรจะปรับตัวให้มากขึ้น เพราะถ้าหากลองดูเกาหลีใต้ซึ่งได้รับผลกระทบจากวิกฤตต้มยำกุ้งเหมือนกัน ในตอนนั้นค่าเงินเกาหลีก็อ่อนตัวลงเช่นกัน แต่เกาหลีก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสังเกตได้เลยว่าซัมซุงในวันนี้กับเมื่อสิบปีที่แล้วต่างกันอย่างสิ้น เชิง สินค้าเกาหลีเป็นที่ยอมรับในตลาดโลกอย่างมาก ทำให้ทุกวันนี้ ถึงแม้ว่าค่าเงินเกาหลีจะแข็งกว่าเมื่อสิบปีที่แล้วอีก แต่เกาหลีก็ไม่บ่นอะไรเลย

ในช่วงสุดท้ายของงาน เป็นการเสวนาโดยวิทยากร 4 ท่าน ได้แก่ คุณเอกรัศมิ์ อวยสินประเสริฐ จาก Intel คุณกำพล ศรธนะรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) คุณไชยเจริญ อติแพทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีทีที ไอซีที โซลูชั่นส์ จำกัด และ ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต

เนื้อหาในช่วงนี้ส่วนใหญ่ก็ยังวนเวียนอยู่กับเรื่องน่าเศร้าของประเทศไทย แต่มีเรื่องนึงที่น่าสนใจสำหรับคนในแวดวงเว็บ นั่นก็คือบริษัท พีทีที ไอซีที โซลูชั่นส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ ปตท. ที่ดึงเอาส่วนงานด้านไอทีของทุกบริษัทในเครือ ปตท. มารวมกัน ตอนนี้กำลังสร้าง Tier III Data Center ขึ้นมาเพื่อใช้รองรับเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดของบริษัท และถ้ามี capacity เหลือก็จะเปิดให้บริษัทภายนอกเช่า ซึ่งว่าที่ลูกค้ารายหนึ่งที่บริษัทมองไว้ก็คือ Google นั่นเอง

ปิดท้ายการสัมมนาด้วยคำถามจากผู้เข้าร่วมสัมมนาท่านหนึ่งที่ถามคุณเอก รัศมิ์เรื่องที่ Intel ตัดสินใจไปตั้งโรงงานที่เวียดนาม มันมาจากเหตุผลอะไรกันแน่?

คุณเอกรัศมิ์อยากตอบคำถามนี้มากครับ เพราะที่ผ่านมาก็มีแต่คนเอาไปโยงเข้ากับเรื่องการเมือง ซึ่งคุณเอกรัศมิ์ยืนยันว่าไม่เกี่ยว เพราะทาง Intel ตัดสินใจเรื่องนี้ตั้งแต่ปลายปี 2005 แล้ว ก่อนที่จะมีการประท้วงขับไล่อีก

คุณเอกรัศมิ์อธิบายว่าทาง Intel มองหาประเทศในโซนเอเชียเพื่อจะตั้งโรงงาน ATM (Assembly, Test, Manufacturing) โดยที่ดูว่าประเทศใด best in class ในด้านไหนบ้าง เช่น เวียดนามอาจจะมีค่าแรงถูกสุด อินเดียอาจจะมีแหล่งผลิตซอฟท์แวร์ที่ดีที่สุด โดยในตอนนั้น Intel ได้คัดเหลือ 3 ประเทศได้แก่ ไทย อินเดีย และเวียดนาม

ทาง Intel ก็ส่งคนมาคุยในประเทศไทย คนที่ได้คุยด้วยก็คือรองเลขาธิการ BOI ตอนนั้น Intel ถามว่าประเทศไทย best in class ในด้านใดบ้าง BOI ก็เอาโบร์ชัวร์ให้ Intel ไปแผ่นนึง Intel ถามว่าประเทศอื่นมีการยกเว้นภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนถึง 12 ปี บางประเทศก็ 15 ปี ขณะที่ประเทศไทยให้เพียง 8 ปี BOI ก็บอกว่าเป็นเรื่องกฎหมาย ถ้าจะเพิ่มจำนวนปีก็ต้องไปแก้กฎหมายอีก หลังจากนั้น Intel ก็กลับไป แล้วส่งคำถามฝากมาที่คุณเอกรัศมิ์ ทางคุณเอกรัศมิ์ก็โทรไปถามรองเลขาธิการ BOI แต่ก็ไม่มีคนรับสาย ส่ง e-mail ไปสามรอบ รอสามสัปดาห์ก็ไม่มีการตอบกลับ

แล้ว Intel ก็ไปเวียดนาม…

หลังจากนั้น BOI ออกมาแก้เกี้ยวว่า Intel ขอที่ดินฟรีจากประเทศไทย ซึ่งคุณเอกรัศมิ์บอกว่าไม่ใช่ Intel เข้าใจดีว่าเรื่องที่ดินเป็นเรื่องที่ต้องมีการซื้อขายตามราคาตลาดปกติ เพียงแต่ Intel บอกว่าจีนเสนอให้ที่ดินฟรีเพื่อให้ Intel เข้าไปตั้งโรงงาน ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็น best in class ของจีน

สรุปว่า Intel ไปตั้งโรงงานในเวียดนาม จากเดิมที่ตั้งงบไว้ 300 ล้านเหรียญ ก็มีการเพิ่มเป็น 1,000 ล้านเหรียญ และมีบริษัทจากไต้หวันที่เป็น supplier ให้ Intel เข้ามาตั้งโรงงานด้วย โดยลงทุนสูงถึง 3,000 ล้านเหรียญ เพื่อที่จะ supply ให้โรงงานอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ในเวียดนาม ซึ่งทำให้เกิด supply chain ทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ขึ้นมาทั้งสาย รวมๆ แล้วเวียดนามอาจจะได้เม็ดเงินลงทุนถึง 5,000 ล้านเหรียญ

คุณเอกรัศมิ์บอกว่า Intel ไปคุยกับเวียดนาม ได้คุยกับคนในระดับรัฐมนตรี Intel ถามอะไรไป รัฐมนตรีก็จะตอบมาเป็นข้อๆ ข้อไหนที่ยังตอบไม่ได้ก็จะขอเวลาไปหาคำตอบภายใน 60 วัน

ความปรารถนาที่จะเชิญชวนนักลงทุนต่างชาติของไทยกับเวียดนามนั้นต่างกัน จริงๆ ตกลงว่า BOI นี่จะส่งเสริมการลงทุนจริงหรือเปล่า

คุณเอกรัศมิ์กล่าวว่า “ผมเป็นคนไทยนะ ผมอยากให้ Intel มาตั้งโรงงานในไทยที่สุด” และพูดปิดท้ายอย่างติดตลกแกมจริงว่า

“เรื่องนี้ยิ่งพูดยิ่งมีอารมณ์”

ที่มา : http://blog.macroart.net/2007/10/intel-assembly-test-manufacturing-at-vietnam.html

อ่านบทความที่น่าสนใจ เพิ่มเติม : อะไรๆก็เวียดนาม หรือเพราะ 3 ปีก่อนคนไอทีเวียดนาม ทำงานดีกว่าคนไอทีไทย 4-5 เท่า

Tuesday, May 18, 2010

จม.ลึกลับโปรยจากทางด่วนมาให้ผู้ชุมนุม




18 พค. 2553 15:04 น.


เวลา 09.30 น.ทางเจ้าหน้าที่กาชาด ได้นำข้าวกล่องและอาหารแห้งกว่า 500 ชุด มาแจกให้ชาวชุมชนบ่อนไก่ ส่วนบรรยากาศบริเวณใต้ทางด่วนพระราม 4 ถนนพระราม เหตุการณ์ยังคงเป็นไปด้วยความปกติ ไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรง เพียงแต่ยังมีเสียงปืนเสียงประทัดดังขึ้นเป็นระยะ สำหรับแนวกั้นยางรถยนต์ที่กลุ่มผู้ชุมนุมนำมากั้นปิดถนนพระราม 4 อยู่ห่างกลุ่มผุ้ชุมนุมบริเวณใต้ทางด่วนเลยเข้ามาทางบ่อนไก่ ประมาณ 200 เมตร โดยจะมีกลุ่มพวกฮาร์ดคอ คอยเผายางรถยนต์อยู่เป็นระยะแต่ยังไม่มีเหตุการณ์รุแรงอย่างไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบริเวณทางเข้าชุมชน บ่อนไก่ ปรากฏว่าชาวชุมชนที่ไม่ย้ายออกไปที่อื่นยังคงเดินเข้าออกและมีรถยนต์วิ่ง เข้าออกเป็นปกติ แต่ทุกคนต่างต้องระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ ขณะเดียวกันในกลุ่มผู้ชุมนุม ได้มีการประกาศเตือนกันเองไม่ให้ผุ้ชุมนุมเดินเข้าไปใกล้แนวกั้นยางเพราะอาจ จะถูกทหารยิงได้
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ส่วนบริเวณบนทางด่วน ได้มีประชาชนที่ขับรถยนต์ผ่านมาบริเวณถนนพระราม 4 ได้มีการเขียนจดหมายด้วยปากกาโยนลงมาบริเวณกลุ่มผุ้ชุมนุมเป็นระยะหลายฉบับ โดยข้อความจะมีลักษณะคล้ายกัน ที่ระบุว่าใครที่รับจดหมายนี้ช่วยให้แจ้งกับนักข่าวต่างประเทศด้วย ว่า พวกตนเป็นกลุ่มไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด และเห็นทั้งหมดว่าทหารเป็นคนยิงผู้ชุมนุม เพราะมีบ้านพักอยู่ในย่านนี้ แต่ทาง ศอฉ . ยังแถลงการณ์บิดเบือนปัดความรับผิดชอบ ซึ่งหากพวกเราทนไม่ได้จะออกมารวมตัวกันเพื่อจัดการรัฐบาลที่แถลงข่าวไม่ตรง ข้อเท็จจริง


"ปริญญา เทวานฤมิตรกุล"ทำจม.เปิดผนึกถึงอภิสิทธิ์-จตุพร



18 พค. 2553 15:51 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายจตุพร พรหมพันธ์ ในวาระครบรอบ 18 ปี เหตุการณ์เดือนพฤษภาคม ๒๕๓๕ โดยมีเนื้อหาระบุว่า ในวาระครบรอบ 18 ปีของเหตุการณ์เดือนพฤษภาคม 2535 ในฐานะที่ท่านนายกรัฐมนตรีเมื่อ ๑๘ ปีที่แล้ว ได้นั่งอยู่หลังเวทีมาด้วยกันกับผม ตั้งแต่ตอนที่ยังอยู่ที่ลานโพธิ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จนมาถึงการชุมนุมที่ถนนราชดำเนินเมื่อท่านได้เป็น ส.ส. สมัยแรก และมาร่วมเวทีในฐานะตัวแทนจากพรรคประชาธิปัตย์ ในขณะที่คุณจตุพร พรหมพันธ์ ก็เป็นผู้นำนักศึกษาของมหาวิทยาลัยรามคำแหง ที่ร่วมต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่ถนนราชดำเนินมาด้วยกัน ผมจึงอยากใช้โอกาสนี้ได้พูดกับทั้งสองท่าน 18 ปีที่แล้วเมื่อมีความสูญเสียเลือดเนื้อชีวิตเกิดขึ้น เราทุกคนล้วนแต่เสียใจ ทั้งสองท่านก็มาร่วมงานทำบุญให้วีรชนทุกปี ท่านนายกรัฐมนตรี ก่อนหน้าที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ท่านก็มาร่วมงานทุกปี คุณจตุพรก็มาร่วมงานไม่เคยขาดแม้แต่ปีเดียว ขณะที่คนอื่นๆ ที่ร่วมเหตุการณ์มาบ้างไม่มาบ้าง ญาติๆ วีรชนจึงรักใคร่ทั้งสองท่านเสมือนเป็นญาติจริงๆ เสมอมา บัดนี้ทั้งสองท่านเป็นผู้นำอยู่กันคนละฝ่าย แล้วก็มีคนเสียชีวิตจากปัญหาความขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายถึง 66 คนแล้ว เหตุการณ์เดือนพฤษภาคม 2535 มีผู้เสียชีวิต 44 คน และผู้สูญหายอีกนับร้อยคน ถ้าไม่นับผู้สูญหายบัดนี้ความสูญเสียในเหตุการณ์ตอนนี้มากกว่าที่เกิดกับพวก เราเมื่อ 18 ปีที่แล้วไปแล้ว
“ผมเข้าใจดีว่าท่านนายกรัฐมนตรีจำเป็นต้องแก้ปัญหา และการที่ นปช. ยึดสี่แยกราชประสงค์ ก็เป็นปัญหาใหญ่ที่ท่านไม่อาจนิ่งเฉยได้ แต่ที่ล้มตายกันทุกวันในขณะนี้ต่างก็เป็นพี่น้องประชาชนคนไทยด้วยกันทั้ง สิ้น ๑๘ ปีที่แล้วทั้งสองท่านก็ผ่านเหตุการณ์สูญเสียเลือดเนื้อมาด้วยกัน แล้วทำไมเราถึงให้คนไทยด้วยกันมาฆ่ากันแบบนี้อีก ขอให้ทั้งสองท่านเอาชีวิตประชาชนเป็นที่ตั้งได้ไหมครับ ท่านนายกรัฐมนตรีให้ทหารหยุดยิงและกลับสู่แผนปรองดอง ส่วนคุณจตุพรก็ยุติการชุมนุมได้ไหมครับ ความรับผิดชอบทางกฎหมายก็ให้ว่ากันไปตามกระบวนการยุติธรรม “


Monday, May 17, 2010

'ต้องรักษาสถาบัน' โดย ส.ศิวรักษ์


"สถาบันไม่ใช่วิเศษที่สุด ยังมีอะไรบกพร่อง แต่ต้องรักษาเอาไว้ เหมือน ต้นไม้บ้านผม ผมรักษาเอาไว้ เราได้ร่มได้เย็น คุณดู อินโดนีเซียสิ ดูประเทศที่มีประธานาธิบดีสิ เป็นอย่างไรบ้าง มันเลวร้ายกว่าทั้งนั้น"

นักเคลื่อน ไหวทางสังคมอาวุโส ผู้ประกาศตัวชัดเจนว่าเป็น Royalist แต่ กล้าวิพากษ์วิจารณ์ จนกระทั่งต้องข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพมาหลายต่อหลายครั้ง แต่ไม่เคยต้องโทษสักครั้ง อาจจะเพราะหลายฝ่ายรู้แก่ใจว่า ส.ศิวรักษ์ วิพากษ์วิจารณ์ด้วยความจงรักภักดีอย่างจริงใจ

ใน สถานการณ์ปัจจุบัน พูดกันอย่างไม่อ้อมค้อม ส.ศิวรักษ์เป็นคนน่าสนทนาที่สุด แม้ตอนแรกจะแหยงๆ แต่ได้แรงเชียร์จากพี่พิภพ ธงไชย ที่กดเบอร์โทรนัดหมายให้ ซึ่งเมื่อสนทนาแล้วก็พบว่ามีสาระหลากหลายให้คิด ขึ้นอยู่กับผู้คนทั้งหลายจะเปิดใจกว้าง เปิดความคิดให้กว้างหรือไม่

รัฐบาลตั้งรับ

เราเริ่ม จากขอให้อาจารย์มองสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้

"พูดตรงไป ตรงมานะครับ รัฐบาลนี้ก็มีองค์ประกอบซึ่งไม่เป็นเอกภาพ สอง-รัฐบาลประชาธิปัตย์มีความสามารถในการตีฝีปาก และก็เชื่อ แต่ราชการประจำ คุณอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ มาเกือบปีแล้ว ก็ยังไม่เคยทำอะไรเลยนอกจากตีฝีปาก เป็นคนน่ารักนะครับ คนก็ชอบ แต่ยกตัวอย่างภาคใต้ก็เลวร้ายลงเรื่อยๆ ทุกเรื่อง คดีผมเองคา มาตั้งจะ 2 ปีแล้ว คุณอภิสิทธิ์ก็โทรศัพท์ถึงผมเลยนะ จะสั่งตำรวจให้ยุติคดีผม ซึ่งเขาทำได้เลย แต่เขาก็ไม่ได้ทำ ทีแรกก็อ้างว่าคุณพัชรวาทเขาสั่งไม่ได้ ตอนนี้พัชรวาทก็ไปแล้ว อีกนัยหนึ่งก็ไม่มีกึ๋นที่จะทำอะไรให้เป็นเรื่องเป็นราว"

"และฝ่าย คุณทักษิณเขาก็รุกอยู่ตลอดเวลา ทางนี้ก็ตั้งรับไม่เป็นท่าเลย ตั้งแต่ คมช.แล้ว ปฏิวัติปลดเขาไป ไม่เคยทำอะไรให้ดีกว่าเขา และ ตอนนี้ก็พยายามเอานโยบายเขาหลายอย่างมาใช้ รถเมล์ฟรี เงินผัน แต่ วิธีของรัฐบาลนี้มันไม่ได้เรื่อง คุณทักษิณเงินถึงชาวบ้าน มันถึงโดยตรงเลย คุณอาจจะว่าฉ้อฉลก็ได้ อาจจะว่าเป็นเล่ห์ เหลี่ยมให้ไปซื้อมือถือ แต่ชาวบ้านเขาพอใจเพราะเขาได้ตัดสินใจเอง นี่กว่าจะเอาเงินต้องผ่านอำเภอผ่านอะไรต่างๆ กินกันอะไรกัน ชาว บ้านเขาไม่พอใจได้แต่เศษแต่เลย นี่คือง่ายๆ ประเด็นพวกนี้เขาจับไม่ได้ เพราะฉะนั้นผมว่าโอกาสที่จะสู้กับทักษิณยาก ข้อเสียของทักษิณก็คือเขางกเกินไป เขาเป็นคนไม่มีเพื่อน จะเอาอะไรเอาดั่งใจตัว เสียด้วยเหตุนี้ แต่ขณะเดียวกันทักษิณเขาก็มีเส้นสนกลในนะครับ เขายังติดต่อกับเทมาเส็กโดยตรง เทมาเส็กเข้ามามีอิทธิพลนะครับ รวมทั้งมีอิทธิพลต่อสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ อัน นี้เราดูได้จากตัวเลขออกมา บุคคลบางคนก็ยังไปติดต่อกับทักษิณ อยู่"

"คือผมว่า เมืองไทยมันเป็นเมืองซึ่งไม่เปิดเผยและไม่โปร่งใส เพราะฉะนั้น ก็ยากที่จะแก้ไขปัญหาได้ หรือกรณีของมาบตาพุด ซึ่ง เป็นนิมิตดีนะครับที่ชาวบ้านเขาลุกมาต่อสู้ จนศาลปกครองตัดสิน ให้เขา เสร็จแล้วคุณอภิสิทธิ์ก็ไปกลัวบริษัทข้ามชาติต่างๆ จะ อุทธรณ์ แต่ถ้าคุณอภิสิทธิ์มีกุนซือที่ใช้สติปัญญา โครงการมาบตาพุดมันไม่จำเป็นต้องล้มเลิก แต่สามารถทำได้ให้ชาว บ้านเขามีความสุข ไม่ให้เขาอยู่ในมลพิษ สามารถคุยกับชาวบ้านได้ และนักลงทุนทั้งหลายที่เอาเปรียบชาวบ้าน นักลงทุนที่สร้างมลพิษ การลงทุนต่อไปนี้ต้องเลิกสร้างมลพิษ นายทุนก็ลงทุนให้แพงขึ้น ไปหน่อย และก็ยังได้กำไรอยู่นั่นแหละ แต่ว่ามันระยะยาว และเราพูดกันเรื่องปัญหาโลกร้อน นี่จะแก้ปัญหาเลย ซึ่งมันไม่ใช่มาบตาพุดเพียงแห่งเดียว ทั้งประจวบคีรีขันธ์ ยายหน่อย ยายกระรอก ที่สงขลา อุดรฯ รัฐบาลไม่เคยสนใจอะไรเลย แน่นอนครับรัฐบาลฟังชาวบ้าน ไม่ได้ปฏิเสธนายทุน แต่ ควรจะพูดกับนายทุนว่านายทุนควรจะลงทุนโดยไม่เอาเปรียบชาวบ้าน ผมว่ารัฐบาลควรจะเป็นตัวแทนแบบนี้ถึงจะมีศักดิ์มีศรี เพราะว่า คุณทักษิณเขาอยู่ฝ่ายนายทุนเต็มที่ และเขาก็หลอกลวงชาวบ้าน แต่ ชาวบ้านมองไม่เห็น ผมว่าถ้าจับจุดนี้ได้รัฐบาลอย่างนี้ก็จะมีจุดยืนเป็นที่น่าชื่นชม แต่ทุกเรื่องรัฐบาลกลับไม่ทำอะไรเลย"

อาจารย์ ส.บอกว่า เรื่องภาคใต้รัฐบาลก็ยังจับประเด็นหลักไม่ถูก

"หนึ่ง-เรา ต้องยอมรับความจริงนะครับว่าเรารังแกเขามา 200 ปี และเรารังแกครั้งล่าสุดเมื่อรัชกาลที่ 5 เลิกตำแหน่งรายา ปัตตานี จับเขามาขังไว้ที่นครสวรรค์ เขาต้องการ ศักดิ์ไม่น้อยไปกว่าเรา ปัตตานีเขาเคยเป็นเอกราช (ปืนใหญ่) นางพญาตานีที่เราเอาเขามา เหมือนที่เราเอาพระแก้วมรกตมาจากเมืองลาวเลยนะครับ เราต้อง รู้สึกว่าเราทำผิด และเราสามารถพูดกับเขาได้ อ.ปรีดีพูดกับหะยีสุหรงแล้วว่า รัฐบาลประชาธิปไตยจะให้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นตัวของตัว เอง ให้ใช้ภาษายาวีเป็นภาษาหลักเท่าภาษาไทย ให้เรียนศาสนาอิส ลาม ไม่จำเป็นต้องเรียนศาสนาพุทธ และกฎหมายครอบ ครัวให้ใช้กฎหมายอิสลาม พอ อ.ปรีดีไป หะ ยีสุหรงถูกฆ่าเลย เลือกวิธีนี้ก็ยังไม่ช้าเกินไป เจรจาได้เลย"

"สอง-3 จังหวัดภาคใต้เขาเป็นมุสลิม แล้วพวกมุสลิมเขาจะไม่ช่วยกันหรือครับ อย่าไปนึกนะครับว่ามาเลเซียเขาต้องการเอาไปเป็นของเขา เขาไม่ต้องการ และพวกนั้นก็ไม่ต้องการไปอยู่ใต้มาเลเซีย เพราะไปก็เป็นลูกเมียน้อยเขา ฝรั่ง มีภาษิตว่า the devil we know better than the devil we do not know. เขายินดีอยู่กับเราถ้าเราให้เกียรติเขา ไม่รังแกเขา แต่การแก้ปัญหาก็ต้องคุยกับมาเลเซียด้วย คุยกับอินโดนีเซีย ด้วย คุยกับปากีสถานด้วย คูเวต เรา รู้ใช่ไหมว่าเขาฝึกกันที่ปากีสถาน ที่ชวา และคุณนึกหรือว่ามาเลเซียจะไม่อุดหนุน ก็ต้องไปคุยกับพวกนี้สิ ครับ เมื่อ คมช.อยู่เขาเคยวานให้ผมไปคุย ทั้งอดีตประธานาธิบดีอินโดนีเซีย อดีตรองนายกรัฐมนตรี เขาพร้อมจะร่วมกับเราถ้าเราพร้อม และคนทางนั้นเขาก็พร้อม ใคร จะอยากตายทุกวัน ใครอยากจะวางระเบิดทุกวัน แต่เราไม่รู้สึกเลยที่เราเอาเขามาถมๆ กัน 80 กว่า คนตาย คุณรังแกเขาตลอดเวลาคุณไม่รู้สึกหรือ ยอมรับแล้วมาคุยเจรจากัน"

"แต่คุณ อภิสิทธิ์ก็ไม่จับประเด็นนี้เลย เพราะประชาธิปัตย์ก็ถือตัวว่ารู้เรื่องภาคใต้ดี เรื่องนี้สำคัญนะครับ เรื่อง ภาคใต้เป็นหลักหนึ่ง และเรื่องมาบตาพุดก็เป็นหลักหนึ่ง เพราะตอนนี้ชาวบ้านเขาเริ่มฟื้นขึ้นมาหมดแล้ว คุณอภิสิทธิ์จี๋จ๋อกับยายไฮเป็นของเล่น คุณต้องฟังคนเหล่านี้จริงๆ จังๆ สิครับ ต้องเรียนรู้"

"เมืองไทย มันเปลี่ยนเยอะเลยนะครับ นัยหนึ่งผมเห็นพวกเสื้อเหลืองเสื้อแดง มองในแง่ดีนี่มันเป็นคนที่มีกึ๋นมากขึ้นทั้งสองฝ่าย มันต้องการประชาธิปไตยขั้นรากเหง้าทั้งสองฝ่าย เขาอาจจะมีข้อบกพร่องทั้งสองฝ่ายนะครับ ไม่ได้วิเศษหมด แต่มันมีเป้าหมายที่ดีมากเลย อย่าง ASTV ก็ให้บางอย่าง แน่นอนมันมีอคติหลายอย่าง แต่ฟังมันก็ได้ประโยชน์ ผมไม่รู้ว่าเสื้อแดงมีทีวีหรือยัง คือฟังพวกนี้จะได้ประโยชน์ แต่อย่าเชื่อทั้งหมด จะช่วยให้เราเปิดกว้างขึ้น และ ผมว่าเมืองไทยตอนนี้มันเปิดกว้างแล้ว ปิดไว้ไม่ได้อีกแล้ว"

"ผมยังเคย พูดเลย องคมนตรีควรจะชวนคนพวกนี้ไปคุยด้วย เรียนจากเขาสิครับ คุยกับพวกนี้สิครับแล้วก็ปรับปรุงเปลี่ยนแปลง คุยกับยายไฮ ยายกระรอก คือไม่ต้องไปเชื่อเขาหรอก แต่ฟังเขาไว้จะช่วยได้เยอะเลย"

อ.มองว่าคน ของสถาบันควรลงไปคุยกับเสื้อเหลืองเสื้อแดง

"ไม่ ต้องลงไปหรอก เงี่ยหูฟังเขา ถ้ากล้าจริงๆ ก็ชวน เขามาเลย พวกองคมนตรี ใครก็ได้ มนุษย์เราการแก้ปัญหาข้อแรกคือ dialogue ผมได้ข่าวเวลานี้ เสื้อเหลืองเสื้อแดงเขากำลังจะคุยกันแล้ว เป็นของดีครับ ผมบอกเขาเลยคุยกันดีกว่าฆ่ากัน ด่าแม่กันก็ได้ และผมว่าด่ากันต่อหน้าดีกว่าด่าลับหลัง ไม่ใช่ของง่ายแต่ทำได้ เช่นเดียวกันปักษ์ใต้ คุยกัน บ้านผมสมัยรัฐบาลนอมินีของทักษิณขอมาพบพวกเสื้อเหลืองที่บ้านผม 2-3 ครั้ง แต่มันแหยไม่มีอำนาจ อำนาจอยู่ที่ทักษิณ เสื้อเหลืองเขาเสนอบางอย่าง ทักษิณมันไม่กล้าตัดสินใจ"

ปัญหาของ อภิสิทธิ์คือเหมือนจะฟังคนอื่นกว่าทักษิณ แต่ไม่ทำอะไรใช่ไหม

"ผมว่าคุณ อภิสิทธิ์เป็นคนน่ารัก ข้อเสียของเมืองไทยคือมันเต็มไปด้วยคน น่ารัก สอง-เป็นคนที่ไม่มีเพื่อน ไม่มี กัลยาณมิตร ไปอยู่เมืองฝรั่งนาน มีความภูมิใจที่เรียนอีตัน โรงเรียนที่ดีที่สุด พวกนี้เป็นมายากลทั้งนั้นเลย ผมไม่แน่ใจ ในพรรคประชาธิปัตย์เขามีเพื่อนหรือเปล่า คุณจะปกครองบ้านปกครองเมืองอย่างน้อยคุณต้องมีกุนซือสัก 4-5 คน เล่าปี่ทำไมทำอะไรได้ เพราะมีกุนซือ แม้กระทั่งก่อนขงเบ้งมาก็ต้องปรึกษาหารือกัน"

"ตรงนี้ สำคัญนะ กุนซือ ปักษ์ใต้ใครทำได้ทำ แสวงหาคนดีมีฝีมือ แต่คุณไม่ได้แสวงหา พวกประชาธิปัตย์เขาจะเชื่อราชการประจำอย่างเดียว กินเศษกินเลย กัน แต่ปกครองบ้านเมืองมันใช้ไม่ได้ มันต้องเจาะ คุณทักษิณระยะแรกเขาก็เจาะแบบนี้ ผมก็อุ้มทักษิณมาปีหนึ่งเลย ไอ้ก้านยาว (ประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์) นี่มีนโยบายดีมาก ระยะแรก 30 บาท เป็นความคิดของพวกหมอหัวก้าวหน้าเขา พักหนี้ และตอนนั้นผมบอกเขาเลย 30 บาทของดีนะคุณทักษิณ แต่คุณอย่าฉวยโอกาสเอามาเป็นของพรรคไทย รักไทยนะ หมอพวกนี้เขาคิดมานานมาก ให้เกียรติพวกเขานะ ตั้งเป็นทีมขึ้นแล้วคุณจะสำเร็จใน 3 ปี 5 ปี เราจะเหมือนอังกฤษ social welfare ทำให้ได้นะคุณทักษิณ เพราะเมืองไทยเราทุนนิยมมันเข้ามาคุมมาก และหมออยู่ฝ่ายทุนนิยมก็มาก หมอพวกนี้เป็นหมอเสียสละ คิดเรื่องนี้มาฟูมฟักพวกนี้ไว้ นโยบายการเกษตรไอ้ก้านยาวมันไปขายให้พรรคประชาธิปัตย์ก่อน แต่เขาไม่ฟังเลย มัน มาขายทักษิณเอาทันทีเลย เสร็จแล้วมันก็ถีบไอ้ก้านยาว ข้อเสียทักษิณอยู่ตรงนี้ เห็นแก่ตัว ระยะสั้น และงก"

แต่ประชา ธิปัตย์แย่กว่าตรงที่ไม่เอาเลย

"คือรักษา สถาบันเดิม ผมเคยประชุมกับคุณชวน คุณชวนจะถามก่อนเลยว่าปลัดว่าอย่างไร ท่านอธิบดีว่าอย่างไร มันอำมาตยาธิปไตยแท้ๆ เลย พวกสมัชชาคนจนล้อมอยู่ทำเนียบฯ คุณชวนไม่เคยแวะไปเยี่ยมเลย ทักษิณมันมาวันแรกมันไปเยี่ยมเลยเห็นไหม เสียดายมันไม่ได้เอาจริง"

อภิสิทธิ์ ก็ลงไปหายายไฮ

"ของเล่น ครับ"

อภิสิทธิ์ ฟัง แต่การปฏิบัติไม่ค่อยออกมา

"กับผมเขา ยังโทรศัพท์มาหาเลย-ครับๆ ยุติคดี คุณอย่าพูดอย่างนี้สิ-ครับๆ ผมจะหาทาง ยังค่อยยังชั่ว นักการเมืองถ้อยคำต้องระวัง อย่าพูดในสิ่งที่คุณทำไม่ได้ อย่าไปรับปากในสิ่งที่คุณจะไม่ทำ"

ตอนนี้ ทักษิณพยายามตีโต้ คนก็กลัวว่าจะเกิดอะไรรุนแรง

"คือฝ่าย ตรงข้ามทักษิณ ฝ่ายสถาบัน ฝ่ายอำมาตย์ก็ต้องปรับปรุงตัวเองให้มากขึ้นเท่านั้นเอง และก็ใช้ความถูกต้องให้แม่นยำมากขึ้น ทักษิณเขาสามารถพูดได้เลย เสื้อเหลืองทำอะไรก็ไม่ผิด เสื้อแดงทำอะไรผิดหมด ซึ่งมันเป็น ความจริงไม่ใช่น้อยนะ กระบวนการมันต้องแม่นยำมากกว่านี้ ไม่ใช่จะเอาผลการเมืองระยะสั้น ทุกอย่างนอกจากโปร่งใสแล้วต้อง ซื่อสัตย์สุจริต มีมาตรฐานที่วัดได้ แต่อย่างน้อยก็มีคดี 7 ตุลา กรรมการสิทธิฯ เขาเข้มแข็ง ต้องชมคุณวิชา มหาคุณ พวกเขากล้าหาญเข้มแข็ง ถ้าระบบมีคนอย่างนี้มากขึ้นเรื่อยๆ มันถึงจะไปรอด ตอนนี้ส่วนใหญ่หน่วยงานไม่ยอมรับความจริงเลย พวกผู้พิพากษาก็นึกว่ามันเป็นพระราชา ระบบของเรามันผิด เด็ก วานซืนได้เนฯ สอบเป็นผู้พิพากษาแล้ว ผู้พิพากษาต้องฝึกมาให้ รักความยุติธรรมก่อน เห็นอะไรผิดอะไรถูกก่อน ไม่ได้ฝึกเลย โห-แต่ละคนยิ่งใหญ่มากเลย เงินเดือนก็แพง ไม่ได้ว่าโกงนะ แต่มันแคบเหมือนม้า"

ตอนนี้ก็ ถอดยศทักษิณ แล้วเป็นชนวนให้เสื้อแดงมีข้ออ้างอีก

"มัน ไม่คงเส้นคงวา ผมว่าไม่ถูก ปกครองบ้านเมืองคุณจะต้องรอบคอบนะ ที่จริงจะถอดไม่ถอดมันก็ไม่สำคัญหรอก แต่ขอให้คงเส้นคงวา ถ้าไม่ถอดก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ซะ มันพลาดตรงนี้ ไม่รอบคอบ การเมืองมันต้องรอบคอบ"

"พระองค์ ธานี ท่านเป็นเสนาบดีกระทรวงธรรมการ สมัยรัชกาลที่ 7 กระทรวง ธรรมการคุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยด้วย ท่านมาเจอ ม.ล.ปิ่นมาสอนที่จุฬาฯ-เออปิ่น เธอมาสอนจุฬาฯ ได้ค่าสอนหรือเปล่า บอก ไม่ได้ ข้าพระพุทธเจ้าเป็นข้าราชการกระทรวงธรรมการอยู่แล้ว ท่านก็ว่าต้องได้นะมาสอนพิเศษต้องได้ เดี๋ยวฉันจะดูให้ กลับ ไปท่านก็เรียกบัญชีมาดู ปรากฏข้าราชการกระทรวงธรรมการไปสอนจุฬาฯ มี 2 คน ม.ล.ปิ่น กับ ม.จ.รัษฎาภิเษก น้องชายท่าน ก็เลยไม่ให้เลย ม.ล.ปิ่นเลยอดเลย เพราะให้ ม.ล.ปิ่นก็ต้องให้น้องชายท่านด้วย ม.ล.ปิ่นบอกผมเลยอดเลย (หัวเราะ) ต้องระวังมากเรื่องพวกนี้"

การปกป้องสถาบัน

"กลับมา เรื่องคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ นักวิชาการจากทั่วโลก 50 คน ทำจดหมายถึงคุณอภิสิทธิ์ นอม ชอมสกี ซึ่งเป็นคนที่มีชื่อเสียงที่สุดในสหรัฐอมริกา ลอร์ดเอฟเบอรี ประธานกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนของสภาขุนนางอังกฤษ ยังไม่เอ่ยถึงนักวิชาการที่รู้เรื่องเมืองไทยดี 50 คน เขาบอกว่าต้องเปลี่ยน พระ เจ้าอยู่หัวเองก็รับสั่ง คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนั้น ถ้าใครทำเท่ากับรังแกพระองค์ท่าน และก็ทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ เคย รับสั่งกับคุณสนั่น ขจรประศาสน์ ตอนคุณสนั่นเป็นรัฐมนตรีมหาดไทย ให้ คุณสนั่นบอกตำรวจทั้งหมดให้ห้ามจับ ตอนนี้ตำรวจเป็นเป็นรัฐภายในรัฐ ตำรวจเป็นคนของทักษิณเป็นส่วนใหญ่ มันก็จับเพื่อจะรังแกในหลวง เพื่อ ที่จะทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ คุณอภิสิทธิ์ก็อ้างว่าจงรัก ภักดี ทำไมไม่มีกึ๋นทำอะไรให้เป็นเรื่องเป็นราว ทำได้เลยครับ และนายกรัฐมนตรีในระบบที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข สามารถกราบบังคมทูลได้โดยตรงเป็นการภายใน ขอแนะนำพระบรมราโชวาทว่าทำอย่างไร ทำ อะไรต่ออะไรดี ฉะนั้นผมเชื่อว่าท่านก็จะให้โอกาส เพราะผมเชื่อว่าท่านก็อยากให้การผลัดแผ่นดินเป็นไปโดยไม่มีการนองเลือด แม้สถาบันเองก็ต้องการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง แต่ว่าไม่มีใครทำอะไรเลย และในหลวงพระองค์เดียวพระชนม์ก็มากแล้ว"

ข้อหาหมิ่น พระบรมเดชานุภาพ ก็โดนทั้งอาจารย์และดา ตอร์ปิโด บางคนเขาก็ ต้องการใช้จัดการพวกทักษิณ

"ผมว่าต้อง แยก ทุกเรื่องมันไม่ใช่ดำ-ขาว อย่างกรณีของผมก็ เป็นที่รู้กันแทบทั่วโลก ว่าผมนี่อยู่ฝ่ายต้องการรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ แต่สถาบันพระมหากษัตริย์จะอยู่ได้ก็ต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้โปร่งใส ให้วิพากษ์วิจารณ์ได้ ดังที่พระมหากษัตริย์ทั่วโลกเป็นเช่นนั้น คุณจะมาขืนเอาไว้ว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ดีเลิศประเสริฐสุด มีความศักดิ์สิทธิ์มหัศจรรย์ ทุกพระองค์ฉลาดเฉลียว ดีวิเศษ คนสมัยนี้มันรับไม่ได้แล้วครับ พระมหากษัตริย์เป็นเพียงสัญลักษณ์ของบ้านเมือง เป็นศูนย์กลางแห่งจริยธรรม วัฒนธรรม ก็ต้องมีระบบ ให้ราชวงศ์นั้นอยู่ในอำนาจของกฎหมาย ให้ ทุกคนเปิดเผยโปร่งใส แต่พอปิดอย่างนี้แน่นอนมันก็มีเว็บไซ ต์ออก ถ้าคุณเปิดเผยมากเท่าไหร่ ที่มันจะด่าอย่างลับๆ มันก็น้อยลง และที่ด่าลับๆ คนก็ไม่รู้มันจริงหรือเท็จ ถ้าเราเปิดให้รู้ข้อเท็จจริงและคนเขาเชื่อสิ่งที่เปิดเผยมันมีน้ำหนักที่สุด เลย ในหลวงประชวรก็ไม่เปิดเผยจนกระทั่งลือกัน มัน ไม่ถูก ข่าวสำนักพระราชวังออกมาแม้แต่ชื่อหมอไม่บอกว่ามีใครบ้าง ทำ เป็นเรื่องอึมครึมไปหมด น่าเสียดาย อันนี้ต้องโทษรัฐบาลนะครับ เพราะในระบบการปกครองประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข นายกรัฐมนตรีเป็นผู้บังคับบัญชาสำนักพระราชวัง แต่ตั้งแต่สฤษดิ์เป็นต้นมา เราไม่ทำหน้าที่นี้กันเลย สำนักพระราชวังก็เลยเป็นเอกเทศไป สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์เป็นเอกเทศไป อันนี้ผมเห็นว่าเสียหายถึงในหลวง"

"สำนักงาน ทรัพย์สินฯ มีที่ดินถึง 30 เปอร์เซ็นต์กรุงเทพฯ ผู้อำนวยการก็ไม่ใช่คนเลวร้ายนะครับ เป็นคนจงรักภักดีซื่อสัตย์ แต่แกเชื่อว่าจะต้องพัฒนา ที่ทรัพย์สินฯ ไล่คนจนให้คนรวยมาอยู่ ที่ทรัพย์สินฯ คนเขาอยู่เขานึกว่าได้รับพระบารมีปกเกล้าฯ เขา อาจจะเอาเปรียบในหลวงบ้างเป็นไรไป เขาอยู่มาตั้งกี่ชั่วคนแล้ว ทำ แบบนี้ใช้ไม่ได้ และตอนนี้พระก็เอาอย่าง บางวัด ไล่คนรอบวัดหมดเลย และก็เอากรรมการจากทรัพย์สินฯ เอยอะไรเลยมาเป็นกรรมการวัด แล้วใครจะไปสู้ได้ วิธี นี้มันผิดหมด แต่เมื่อไม่กล้าพูดกันซึ่งๆ หน้าก็ อึมครึมกันแบบนี้ มันไม่ช่วยครับ ไม่ช่วยทุกสถาบัน ไม่ช่วยบ้านเมือง เพราะบ้านเมืองจะเป็นสุขได้ คนข้างล่างต้องมีความพอใจว่าคนข้างบนไม่เอาเปรียบเขา มันต้อง ลดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน เว็บไซต์เอาตัวเลขมาลงเลยครับ คุณสุเมธ ตันติเวชกุล หัวหน้าใหญ่เรื่องเศรษฐกิจ พอเพียง รถที่คุณสุเมธนั่งราคากี่ล้าน คุณสุเมธได้โบนัสได้อะไรจากปูนซิเมนต์ไทยกี่ล้าน แต่มาพูดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง คุณสุเมธแกเป็นคนดีนะ เป็นคนน่ารัก แต่นิมิตดีคือตอนนี้สื่อเอาตัวเลขพวกนี้มาเปิดเผย ต้องให้มีการเปิดเผยและปรับปรุงเปลี่ยนแปลง มันถึงจะไปได้"

อาจารย์ เห็นด้วยกับการยกข้อหาหมิ่น แต่กรณีของอาจารย์กับดา ตอร์ปิโด ไม่เหมือนกัน บางคนเขาก็เห็นว่าดาสมควรมีความผิด

"ดา ตอร์ปิโด เพียง กฎหมายหมิ่นประมาทเขาก็โดนแล้ว ก็เล่นเขาในเรื่องหมิ่นประมาท สิครับ เขาใช้คำที่รุนแรงด่าว่า แค่นี้ก็น่าจะพอแล้ว"

แปลว่าติด คุกเหมือนกัน

"ติด คุกอยู่ดีเพราะเขาล่วงล้ำกฎหมาย การล่วงล้ำกฎหมายนั้นไม่จำเป็นต้องกำหนดว่าสมเด็จพระนางเจ้าฯ หรือในหลวง ใคร ก็ตามล่วงล้ำกฎหมายต้องโดน อันนี้มันจะลดช่องว่าง มิฉะนั้นแล้ว โอ้โห อย่างน้อย 3 ปี อย่างมาก 15 ปี อะไรกันครับ เมื่อเป็นประมุขที่ทุกคนรักก็ไม่จำเป็นต้องไปลงโทษคนที่เล่นงานองค์ประมุข ร้ายแรงถึงเพียงนั้น ก็ให้องค์พระประมุขเป็นเหมือนคนธรรมดา สามัญ จะเป็นการแผ่พระบรมราชกฤษดาภินิหารกว่าใดๆ ทั้ง หมด คุณงามความดีนั้น คุณเอาพระเดชมาใช้ เอาคุกมาใช้ มันไม่ถูก โดย เฉพาะพระเจ้าแผ่นดินในระบอบประชาธิปไตยนั้น ท่านต้องมีเพียงพระคุณ ไม่ มีพระเดช พระเจ้าอยู่หัวก็รับสั่ง The King can do no wrong หมาย ความว่าทุกอย่างที่ทรงประกอบพระราชกรณียกิจก็ต้องมีผู้รับสนองพระบรมราช โองการ เล่นงานไอ้คนนั้นสิ คนรับสนองพระบรมราชโองการ ไม่ใช่ไปเล่นงานท่าน แต่เล่นไม่ทำหน้าที่นี้กัน หน้าที่พื้นฐานเลยนะครับ"

"ควีน อังกฤษเวลาเปิดรัฐสภา The Queen's speech นั้น รัฐบาลร่างถวายนะครับ และเขาก็โจมตี เป็นที่รู้กัน เพราะเป็นการแถลงนโยบาย วันคริสต์มาสท่านจะพูดทางวิทยุ ออกโทรทัศน์ด้วย รัฐบาลต้องเซ็นเซอร์ก่อนนะ ทำไมถึงทำเช่นนั้น พระ ราชินีท่านเสวยราชย์มา 60 ปี ท่านรู้ดีกว่ารัฐบาลทั้งหมด แต่ เพื่อปกป้องสถาบันไว้ ไม่ให้มีผิดพลาดแม้แต่คำเดียว นี่เราไม่เข้าใจประเด็นนี้กัน เราหาว่าไปก้าวก่ายท่าน เขาไม่ได้ก้าวก่ายท่าน เขาปกป้องสถาบัน ต้องทำเช่นนี้ครับ"

พระราชินี อังกฤษพระราชาทานพระบรมราโชวาทตอนเปิดสภาฯ คือการแถลงนโยบายหรือ

"ชัดเจน พอเสด็จฯ กลับแล้วเล่นงานรัฐบาลเลย"

ฝ่ายค้าน ลุกขึ้นพูดเลย?

"ทันทีครับ เป็น ที่รู้กัน ต้องเข้าใจนะครับ ญี่ปุ่นก็เอาอย่าง Emperor ญี่ปุ่น ก็พูดตามที่รัฐบาลเขียนให้ทั้งนั้น อันนี้เป็นเรื่องปกป้อง สถาบัน ต้องเข้าใจ เพราะจักรพรรดิญี่ปุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มีหลายพวกต้องการจะล้ม แต่พวกที่รู้เรื่องญี่ปุ่นดีเห็นว่าควร จะรักษาไว้มากกว่า เพราะฉะนั้นแมคอาเธอร์ถึงมาเขียนรัฐธรรมนูญ ให้ญี่ปุ่น ให้พระเจ้าแผ่นดินมีหน้าที่เป็นเพียงสัญลักษณ์เท่านั้นเอง แม้กระทั่งในญี่ปุ่นก็ยังมีคนเกลียดพระเจ้าจักรพรรดิอยู่นะ ไม่ ใช่ไม่มี แสดงออกได้ด้วย แต่ก็อยู่ได้เพราะทุกคน ทุกสถาบันจะไม่ให้มีคนเกลียดเลยเป็นไปไม่ได้ ภาษาไทยเราบอกว่า แม้กระทั่งพระปฏิมายังราคิน พระพุทธเจ้ายังถูกนินทา ต้องเปิดโอกาสถึงจะอยู่ได้ ไปปิดไม่ได้หรอกครับ ยิ่งเว็บไซต์ยิ่งปิดยิ่งไปกันใหญ่เลย"

จักรพรรดิ ญี่ปุ่นตอนนั้นคนไม่ชอบเยอะ เพราะนำเข้าสู่สงครามโลกใช่ไหม

"แน่นอน แพ้ สงคราม หลายคนเลยเห็นว่าควรจะต้องเลิก แต่พวกฝรั่งที่เชี่ยว ชาญเรื่องญี่ปุ่นให้รักษาไว้จะดีกว่าไม่รักษา"

"เช่นเดียว กันผมเองก็อยู่ฝ่ายนี้ ผมเห็นว่ารักษาไว้ดีกว่าไม่รักษา หลายคนเลยมาโจมตีผม ว่า อาจารย์เสียเวลามา 40 ปีพยายามจะรักษาสถาบันนี้ไว้ มี ประโยชน์อะไร ผมบอกคุณไม่รู้สึกหรือครับ สถาบันไม่ใช่วิเศษที่สุด ยังมีอะไรบกพร่อง แต่ต้องรักษาเอาไว้ เหมือนต้นไม้บ้านผม ผมรักษาเอาไว้ เราได้ร่มได้เย็น คุณดูอินโดนีเซียสิ ดูประเทศ ที่มีประธานาธิบดีสิ เป็นอย่างไรบ้าง มันเลวร้ายกว่าทั้งนั้น เราไม่เข้าใจประเด็นนี้"

"แต่ ทุกอย่างต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเทศะ สมัยหนึ่งคน เชื่อว่าพระเจ้าแผ่นดินฉลาดกว่าชาวบ้าน ได้รับการศึกษามาดี กว่า แต่ที่พระเจ้าแผ่นดินฉลาดกว่าชาวบ้านเพิ่งมารัชกาลที่ 4-5 นะครับ แต่ก่อนนี้พวกขุนนางเขาถือว่าฉลาดกว่าพระเจ้าแผ่นดินทั้งนั้น พวกบุนนาคเขาถือว่าเขาฉลาดกว่าทั้งนั้น รัชกาลที่ 3 เองท่านก็ยอมรับว่าลูกท่านไม่รู้หนังสือ พระจอมเกล้าฯ ท่านไปบวชอยู่นาน เพราะฉะนั้นท่านให้ลูกท่านเรียนหนังสือทั้งนั้น เป็นคนแรกเลย ที่ให้ลูกท่านเรียนภาษาอังกฤษ พวกเจ้าถึงมาได้เปรียบรัชกาลที่ 4-5 นี่ เอง และการได้เปรียบอันนี้ก็พลาด ก็เลยนึกว่าตัวเองเก่งกว่าคนอื่นเขา เกิดการเปลี่ยนแปลง 2475 ก็เหตุนี้ พวกเจ้าคิดว่าตัวเองฉลาดกว่าคนอื่นเขา โดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม ถึงต้องพัง สมัยนี้คุณจะไปบอกว่า เจ้าฉลาดกว่าชาวบ้านเป็นไปไม่ได้แล้ว เพราะเจ้านั้นมีคนอยู่ในสกุลเดียว ชาวบ้านอาจจะมีคนโง่มากกว่าก็ได้ แต่ก็ต้องมีคนฉลาดมากกว่า"

"เมืองไทย ที่สถาบันเจ้าอยู่ได้ที่แล้วมา เพราะเขายกย่องคนที่สามารถนอกเหนือจากเจ้า เจ้าพระยายมราชก็ลูกชาวนา ขึ้นไปสูงที่สุดเลยครับ และ เมื่อเลือกคนไปเรียน ตอนที่ส่งทูลกระหม่อมเล็ก เป็นลูกคนโปรดที่สุดของรัชกาลที่ 5 เจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลก ประชานารถ ส่งไปเรียนรัสเซีย เพราะท่านรักกับพระ เจ้าแผ่นดินรัสเซียมาก ท่านก็ส่งคนไปเรียนแข่งกับลูกท่านเลยนะ แล้ว เลือกนายพุ่ม ราชทูตทำรายงาน นายพุ่มคนนี้เป็นคนดี มี ความประพฤติดี ฉลาดเฉลียว เสียอย่างเดียวเป็นคนไม่มีกำพืด ไม่มีสกุลรุนชาติ แต่ศาสนาพุทธช่วย ศาสนาพุทธ บอกว่าช้างเผือกก็ต้องมาจากป่า เพราะฉะนั้นคนไม่มีสกุลรุนชาติ อาจจะเป็นอัจฉริยะ เลือกนายพุ่ม นายพุ่มไปก็ไป เรียนแข่งกับทูลกระหม่อมเล็ก แพ้ชนะกันเลยนะครับ แต่ เรียนจบนายพุ่มเขาก็รู้ตัว เขาไม่กลับเมืองไทย เป็นรัสเซียไปเลย พุ่มสกี้ และอยู่ทหารมหาดเล็ก เปลี่ยนแปลงการปกครองในรัสเซีย มันฆ่าพระเจ้าแผ่นดิน แต่พุ่มสกี้นี่ทหารรักมาก ขอให้อยู่ต่อ ให้เป็นนายพันเอกต่อ แต่ ก็จงรักภักดี สุดท้ายก็ลาออก ผมยกตัวอย่างนายพุ่มคนธรรมดาสามัญที่สุดเลย เมือง ไทยยังมีศาสนาพุทธ เน้นคนนอกเหนือชาติวุฒิ เน้นคนที่มีความดีความสามารถ แต่ผมว่าตอนนี้เรากำลังพลาด เราไปซูฮกคนที่ชาติวุฒิหมด"

ศึกษาอดีต

พูดได้ไหม ว่าปัจจุบันสถาบันกำลังถูกโจมตีจากวิกฤติการเมือง

"ก็เป็นที่ ชัดเจน เว็บไซต์ก็โจมตี และตอนนี้รัฐบาลไทยก็ใช้วิธีไม่แตกต่างจากรัฐบาลจีนไล่ปิดเว็บไซต์ ซึ่งวิธีที่ถูกที่จะแก้ปัญหาเว็บไซต์คือให้ข้อมูลที่ถูกต้อง เดี๋ยวเว็บไซต์มันก็หมดไป พระปกเกล้าฯ ท่านเคยรับสั่งเมื่อท่านเป็นสมบูรณาญาสิทธิราชย์องค์สุดท้าย ท่านบอกว่า คนเขียนด่ารัฐบาลต้องฟัง ถ้ามันเขียนบัดซบ 2 วันคนก็ลืม ถ้ามันเขียนมาดีเราต้องแก้ไขปรับปรุง นี่พระเจ้าแผ่นดินสมบูรณาญาสิทธิราชย์นะ"

นี่ก่อน 2475

"ก่อน เปลี่ยนแปลง ยกตัวอย่างง่ายๆ เลย หม่อมเจ้าสิทธิพร (กฤดากร) ลาออกจากอธิบดีกรมที่ใหญ่ที่สุดไปเป็นชาวนา แล้วท่านออกหนังสือพิมพ์ชื่อกสิกร โจมตีนโยบายรัฐบาลว่าต่อไปนี้จะขายข้าวอย่างเดียวไม่ได้ จะต้องมีพืชอย่างอื่น และปีนั้นขายข้าวไม่ออก เรียก หม่อมเจ้าสิทธิพรกลับมารับราชการ จะให้เป็นปลัดกระทรวงเกษตร ท่านก็ไม่รับ ท่านขอตั้งกรมใหม่ กรมทดลองการกสิกรรม ถึงได้เกิดแม่โจ้ขึ้นมา เกิด สถานีทดลอง จนกระทั่งสามารถผลิตเวอร์จิเนียโทแบกโกให้โรงงานยาสูบได้ ก่อนหน้านั้นต้องซื้อจากฝรั่งทั้งนั้น ท่านทดลองปลูกที่ เชียงใหม่ คนเชียงใหม่รวยกันเป็นแถวเลย แตงโมบางเบิดทุกวันนี้ กะหล่ำปลี สารพัดท่านทดลอง เขียนโจมตีรัฐบาล รัฐบาลให้มาทำเลย"

แปลว่าก่อน 2475 คนวิจารณ์รัฐบาลของพระมหากษัตริย์ได้

"แน่นอน เยอะด้วย"

วิจารณ์ตัว บุคคลไหม อย่างตัวรัฐมนตรี ตัวในหลวง ร.7

"ตัวในหลวง เองก็โจมตี มีคนไปทูลท่าน ไม่รู้สึกหรอก ท่านบอกว่าธรรมเนียมไทยมันด่าพระเจ้าแผ่นดินทั้งนั้น ฝนไม่ตก ต้องตามฤดูกาลมันก็ด่าพระเจ้าแผ่นดิน คนไม่ด่าพระเจ้าแผ่นดินเป็นไปไม่ได้ ทำไมเมืองไทยถึงมีพระยาแรกนา เพราะแต่ก่อนพระเจ้าแผ่นดินแรกนา เอง ฝนไม่ตกปีนั้นมันด่าพระเจ้าแผ่นดินเลย ที หลังเลยมีพระยาแรกนา จะได้ด่าพระยาแรกนาแทนท่าน นี่เปลี่ยนในรัชกาลที่ 4 ต้องเข้าใจนะครับ พระเจ้าแผ่นดินฟังเสียงราษฎรมาก และ โดยเฉพาะเรารักษาเอกราชได้ก็จริง แต่เราเสียสิทธิสภาพนอกอาณาเขต เพราะ ฉะนั้นหนังสือพิมพ์ต่างๆ เจ้าของมันจะถือสัญชาติอังกฤษบ้าง สัญชาติฝรั่งเศสบ้าง อย่างจีโนสยาม ด่าพระเจ้า แผ่นดิน จับมันไม่ได้ มันไปขึ้นศาลกงสุล ทำอะไรมันไม่ได้ ในหลวงก็ใช้พิมพ์ไทยเป็นกระบอกเสียงของท่าน สู้ กับไอ้พวกนี้ ในหลวงมาเขียนเองเลยโคลนติดล้อล้อติดโคลน ซัดกันเลย"

รัชกาลที่ 6?

"ใช่ รัชกาลที่ 7 ก็ใช้พิมพ์ไทย ให้หลวงมหาสิทธิโวหารมาเขียน สอ เศรษฐบุตร ซื้อมาทำหนังสือพิมพ์สู้กับพวกหัวก้าวหน้า แต่ก่อนเขาใช้วิธี สู้กันทางหนังสือ ใช้วิธีปิดไม่ได้ผลหรอกครับ คุณปิดมันก็ลงใต้ดิน"

กระแสตอน นี้มีการโจมตีค่อนข้างมากที่สุด

"ช่วงนี้ ช่วงทักษิณ พูดง่ายๆ ทักษิณเขาก็ใช้ด้วย สำหรับผมในแง่หนึ่งเป็นนิมิตที่ดีนะ บางคนอาจจะพูดจารุนแรงไป แต่ คนมันเริ่มกล้าขึ้น เพราะฉะนั้น ถ้าคุณจะสู้กับพวกนี้ก็ต้องเปิดเผยเลยว่ามันไม่จริง ต้องเอาตัวเลขมาให้เขาเห็นชัดเจน ถ้าคุณอึมครึมก็เสร็จ"

ทักษิณก็ ใช้ตัวนี้เป็นเครื่องมือ

"ใช้สิครับ เขาจะใช้ทุกอย่างเป็นเครื่องมือ เขาอาจจะเปลี่ยนมาใช้คำว่าอำมาตยาธิปไตย เปลี่ยนเป้ามาตีที่เปรม มันก็คืออันเดียวกัน"

อาจารย์มอง ว่ามีกระแสโจมตีสถาบัน แต่ฝั่งสถาบันก็ต้องปรับ

"ถูกต้อง พระ พุทธเจ้าก็สอนอันนี้ด้วย สมัยโบราณมีคนมาโจมตีเรา คถาคตก็ดี พระธรรมก็ดี พระสงฆ์ก็ดี ก็ฟังไว้ ที่เขาโจมตีมาจริงไม่จริง ถ้าจริงก็ต้องปรับปรุง ถ้าไม่จริงมันก็เหลวไหลอย่าไปเดือดร้อน อีกนัยหนึ่งชีวิตมนุษย์เราต้องปรับปรุงตัวเองตลอดเวลา ทุกสถาบันต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา สถาบันพระมหากษัตริย์ปรับปรุงครั้งสำคัญที่สุดคือ 2475 พอถึง 2490 ไม่ได้ปรับปรุงเท่าไหร่ แต่จอมพล ป.คุมไว้ในอำนาจ 10 ปี จนกระทั่ง 2500 เป็นต้นมาก็มีแต่เชียร์ สำนักงานทรัพย์สินฯ ก็ไม่ต้องแถลงอะไร เป็นรัฐภายในรัฐ อะไรก็วิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ แต่ถ้าคุณให้คนพูดได้มากขึ้น เว็บไซต์ไปด่ามันก็น้อยลง"

ย้อนไปสมัย ร.7 ที่อาจารย์เล่า รัฐบาลของในหลวง ร.7 ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากใช่ไหม

"คน เขาผิดหวังตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ก็คิดว่ารัชกาลที่ 7 จะดีขึ้น"

หนังสือ พิมพ์ยุคนั้นโจมตีเลยหรือ

"โห โจมตีในหลวงโดยตรงเลย สารพัดเลย ผมบอกแล้วไงบรรณาธิการมันอยู่ ใต้ร่มธงอังกฤษบ้าง ฝรั่งเศสบ้าง และเราต้องการ ให้ฝรั่งยอมรับว่าเราเป็นเมืองที่มีสิทธิเสรีภาพ ฟัดกันสารพัด แน่นอนที่ไม่ใช่ subject ฝรั่งก็เข้าคุกนะ ขึ้นศาลไทยก็เข้าคุก อย่างคุณสถิตย์ เสมานิล ก็ติดคุกหลายปี"

"ข้อผิด พลาดของรัชกาลที่ 7 คือท่านรู้ว่าสมัยรัชกาลที่ 6 พวก เจ้าถูกกดมาก รัชกาลที่ 6 ท่านยกขุนนาง รัชกาล ที่ 7 ก็เลยมายกย่องเจ้า อันนี้ท่านพลาด พวกหม่อมเจ้าไปเรียนเมืองนอกกลับมาก็เบ่งกันอะไรกัน พวกขุนนางก็หมั่นไส้"

"ยก ตัวอย่างง่ายๆ ฟางเส้นสุดท้ายที่เปลี่ยนแปลง ตกลงกันว่าเศรษฐกิจตกต่ำ ทหารทั้งหมดจะไม่ได้รับเงินเดือนขึ้น พระองค์บวรเดชลาออกเลยนะ เสนาบดีกระทรวงกลาโหมลาออก พระยาโกมารกุลมนตรีเป็นเสนาบดีกระทรวงพระคลังบอก เอ้า-ทหารเหมือนแขกยาม ตอน นี้ยังไม่มีใครมาบุกปล้นบ้านเรา ไปขึ้นเงินเดือนให้แขกยามได้ไง พระองค์บวรเดชลาออกเลย เสร็จแล้วก็ไกล่เกลี่ย ขึ้นให้คนเดียว คือ ท่านนักขัตร พอดีท่านเป็นนักเรียนนอกรุ่นเดียวกับพระปกเกล้าฯ พวกทหารด่าไหนบอกไม่ขึ้น"

"หลัง 2475 ท่านนักขัตรยังถูกสะกดรอยตามตลอดเลย เพราะเขาถือเป็นสัญลักษณ์ฝ่ายเจ้า ได้ขึ้นเงินเดือนคนเดียว คุณ สุภา (ศิริมานนท์) เล่าให้ผมฟัง ท่านนักขัตรเรียนฝรั่งเศสรุ่นเดียวกับ อ.ปรีดี คุณสุภาก็เป็นคนสนิท อ.ปรีดี ทุก อาทิตย์ อ.ปรีดีจะมากินข้าวที่ธรรมศาสตร์ มีอะไรคุณสุภาก็ รายงาน ท่านนักขัตรก็บอก เฮ้ย-สุภา ไปบอกอาจารย์ หน่อยได้ไหม หลวงอดุลย์มันตามอั๊วตลอดเลยนะ อั๊วก็หลุดมาตั้งนานแล้ว มา ตามทำไม อาจารย์ปรีดีไปบอกหลวงอดุลย์ ก็เลยเลิกตาม หลัง สงคราม อ.ปรีดีท่านส่งไปเป็นทูตที่อังกฤษ ในหลวง เลยไปเจอสมเด็จฯ ที่อังกฤษ ก็หมั้นกัน"

นี่เป็น เกร็ดประวัติศาสตร์ที่น่าเซอร์ไพรส์ว่า สุภา ศิรมานนท์ ผู้เขียน Capitalist สนิทสนมกับ ม.จ.นักขัตรมงคล หรือพระวรวงศ์ เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ พระบิดาของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ อาจารย์ ส.บอกว่าทั้งสองท่านชอบศึกษาเรื่องโหราศาสตร์เหมือนกัน

"อ.ปรีดีมา ปรับปรุงอย่างสำคัญที่สุดเลย ถ้าไม่มี อ.ปรีดี สถาบัน ไปแล้วครับ 2475 จอมพล ป.บอกให้ล้มเลยนะ ความจริงเหล่านี้คนไม่รู้เรื่อง และเมื่อพระปกเกล้าฯ หนีจากหัวหินไปสงขลา ชัดเจนนะครับพระปกเกล้าฯ ช่วยพระองค์เจ้าบวรเดชฯ อันนี้เอกสารออกมาชัดเจน ท่านอ้างว่าท่านเป็นกลาง รัฐบาลบอกถ้าเป็นกลางก็ต้องกลับมาอยู่ในกรุงเทพฯ ท่าน ไม่กลับ เงินทรัพย์สินฯ หายไป เงินมหามกุฏฯ หายไป พระยาเสนาสงครามเป็นลูกพี่ลูกน้องกับสมเด็จพระสังฆราช เจ้า เอาเงินมหามกุฏฯ ไป เจ้านายนั่งรถไฟหนีจากหัวหินไปสงขลา ท่านชิ้นเป็นคนไปขโมยรถไฟ มาจากเมืองเพชรฯ มีคนสั่งให้ระเบิดรถไฟเลย ถ้าระเบิดรถไฟคราว นั้นก็หมด สมเด็จกรมพระยาดำรงฯ สมเด็จกรมพระยานริศฯ อยู่ในรถไฟนั้น ก็เป็นบอลเชวิกเลย เคราะห์ดี ผู้ว่าราชการจังหวัดโทรเลขมาถามรัฐมนตรีมหาดไทย คือพระอุดมพงศ์เพ็ญสวัสดิ์ รัฐมนตรีมหาดไทยก็เอาโทรเลขให้เจ้าคุณพหลฯ ดู เจ้าคุณพหลฯ ห้ามไว้"

"คุณไปอ่าน ดูสิ แถลงการณ์คณะราษฎรฉบับที่หนึ่ง ที่จริงก็มีฉบับเดียว ออกเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ถ้ายอมกลับมาอยู่ใต้ธรรมนูญการปกครอง เรา ก็ยินดี ถ้าไม่กลับมาหรือไม่ตอบภายใน 3 วัน เราจะเปลี่ยนการปกครองให้เป็นประชาธิปไตย คำว่าประชาธิปไตยอธิบายเลยนะครับ หมายความว่าเราจะเลือกผู้ใดผู้หนึ่งในบรรดาราษฎรให้เป็นประมุขประเทศ republic ในหลวงท่านยอมกลับมา ก็ตกลงรักษาสถาบันไว้ แต่จอมพล ป.ไม่ เห็นความสำคัญของสถาบันนี้เลย พูดอย่างตรงไปตรงมา ตอนที่ อ.ปรีดีมาเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ท่านได้ปกป้องสถาบัน นี้อย่างดีที่สุด สมเด็จพระพันวษาฯ นี่คุณหญิงแก้วเขียนเล่าไว้ชัดเจนเลย สมเด็จ พระพันวษาฯ จะขออะไร จอมพล ป.ไม่เคยให้เลย ป้า ในหลวง เจ้าฟ้ากรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธรสิ้นพระชนม์ พระพันวษาฯ ให้คุณหญิงแก้วไปหาจอมพล ป. ไปขอทำเมรุกลางสนามหลวงเผาศพทหารที่ชนะพระองค์เจ้าบวรเดชฯ มีเมรุสนามหลวงแล้วเผาทหารเลวแล้วก็ให้เผาเจ้าฟ้าต่อจากเผาทหารเลว จอมพล ป.บอกว่าสมเด็จพระพันวษาฯ ท่านรวยแล้วให้ท่านสร้างเมรุเอง และ ก็ไม่ให้สร้างสนามหลวงด้วย ต้องมาสร้างที่วัดเทพศิรินทร์ จอมพล ป.ขนาดนี้นะ ทีหลังให้ไปขอ อ.ปรีดี อ.ปรีดีให้ทุกอย่าง"

อาจารย์ ส.ยังเล่าย้อนถึงการเชิญในหลวงรัชกาลที่ 8 ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์

"ประเด็น อยู่ตรงนี้นะครับ รัชกาลที่ 7 ตอนเสวยราชย์ท่าน เห็นว่ากรมพระนครสวรรค์ฯ ควรจะเสวยราชย์เพราะแก่กว่าท่าน 1 รอบ และก็รับใช้พ่อท่านมา มีประสบการณ์มากและเป็นเจ้าฟ้าเหมือนกันหมด รัชกาล ที่ 7 เป็นกรมขุนสุโขทัยธรรมราชา ก็ปรึกษากับพระบิดาในหลวงองค์ปัจจุบัน ตอนนั้นเป็นกรมขุนสงขลา นครินทร์ ว่าจะถวายทูลกระหม่อมชาย แต่ทูลกระหม่อมชายท่านไม่รับ ท่านบอกว่ารัชกาลที่ 6 เขียนไว้แล้ว ถ้าลูกเป็น ผู้หญิงให้น้องเป็นพระเจ้าแผ่นดิน สมัยก่อนเขาถือมาก นอก จากนั้นแล้วรัชกาลที่ 5 ยังให้พรพิเศษกับสมเด็จพระพันปีหลวง ด้วย ว่าลูกท่านทั้งหมดทุกองค์จะต้องได้เสวยราชย์ มีตั้ง 5 องค์ พระปกเกล้าฯ นี่สุดท้องเลย ทูลกระหม่อมพระองค์ชายก็ลงคุกเข่ากราบน้อง เจ้าเขาถือมากนะพี่กราบน้อง แสดงว่าต้องเป็นพระเจ้าแผ่นดิน พระ ปกเกล้าฯ ก็รับ ทูลกระหม่อมชายบอกว่ามีข้อแม้อย่างเดียว อย่า ให้พ่อตามายุ่ง พ่อตากรมพระสวัสดิ์ท่านชอบยุ่ง และท่านเฮี้ยว เพราะฉะนั้นพระปกเกล้าฯ ก็เตรียมเลยครับ ท่านไม่มีลูก ท่าน ก็จะให้พระองค์จุมภฏ ซึ่งเป็นลูกทูลกระหม่อมบริพัตรเสวยราชย์ เป็นที่รู้กันทั่วไปครับ เจ้าคุณอนุมานฯ ก็เขียนไว้ ว่าท่านไปที่กระทรวงการคลัง พระยาโกมารกุลมนตรีขู่พระองค์จุมภฏ สารพัดเลย ต่อ ไปจะเป็นพระเจ้าแผ่นดินต้องถูกขู่ ให้อยู่ในอำนาจขุนนาง ฝึกเอาไว้ นี่พอเปลี่ยนแปลงการปกครองตูม พวกทหารเขากลัวทูล กระหม่อมพระองค์ชายทั้งนั้น เพราะท่านเคยคุมทหารมา ท่านต้องไปอยู่ชวาเลย ยกวังให้เขา"

"ทูล กระหม่อมชายคือเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิจ ปู่ของคุณชายสุขุมพันธุ์นี่แหละ ผมเคยพูดนะ เมื่อตอนเขาสอนอยู่ที่รัฐศาสตร์ เด็กให้ผมไปพูดเรื่อง 24 มิถุนา ผมบอกเนี่ยนะถ้าไม่เกิด 24 มิถุนา คุณชายเป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ แล้ว ถ้าพ่อตายแล้วก็ต้องเป็นพระเจ้าแผ่นดิน อันนี้เรื่องจริง"

"เมื่อเขา ไม่ต้องการสายบริพัตร ในทางกฎมนเทียรบาลก็ต้องมาผ่านสายของทูลกระหม่อมแดง สมเด็จพระพันวษาฯ ท่านก็สิ้นแล้ว ก็มีลูกคือพระองค์เจ้า อานันท์ 10 ขวบ ถ้าเป็นสมัยโบราณก็ไม่มีทางขึ้นเพราะแม่เป็นไพร่ ที่พระปก เกล้าฯ ขึ้นเพราะพี่ท่าน ทูลกระหม่อมติ๋ว เจ้าฟ้ากรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราชัยท่านมีลูก แต่แม่เป็นไพร่ ก็ ต้องข้าม อ.ปรีดีบอกตอนนี้ประชาธิปไตยแล้ว ถึง แม่เป็นไพร่ก็เป็นของดี ทูลกระหม่อมแดงท่านก็ประชาธิปไตย ท่าน มีชีวิตเพื่อคนยากคนจน ไม่เสียหาย ก็เชิญพระองค์อานันท์เสวย ราชย์เป็นรัชกาลที่ 8 อ.ปรีดีเป็นคนสำคัญ อยู่เบื้องหลัง คนที่รู้เรื่องเจ้าดีที่สุดคือ อ.ปรีดี ท่านผู้หญิง (พูนศุข) ก็รู้เรื่องเจ้าดี เพราะท่านผู้หญิงมาจากตระกูล ป้อม เพ็ชร เขาถือว่าเป็นข้าหลวงเดิมมาตั้งแต่กรุงเก่า ทางเจ้า พระยายมราชก็มาได้พวก ณ ป้อมเพ็ชร ก็ใกล้ชิดในวังมาก ราชวงศ์จักรีเป็น ณ อยุธยา พวก ณ ป้อมเพ็ชรก็อยู่อยุธยามานาน"

"ทูล กระหม่อมแดงเป็นนักประชาธิปไตยด้วย เพราะว่าทีแรกท่านจะไปเรียนทหารเรือที่เยอรมัน พอเราประกาศสงครามกับเยอรมันเรียกหาทหารอาสาสมัคร ไปรบกับ เยอรมัน ท่านอาสาไปรบเลยนะครับ ท่านบอกทหารส่วน มากที่ไปตายในสงครามลูกชาวนาทั้งนั้น มันตายเพื่อเจ้ามาตลอด ถึงเวลาเจ้าต้องไปตายเพื่อชาวนาบ้าง เขาไม่ให้ท่านไปเพราะท่านเป็นเจ้าฟ้า ท่านโกรธเลยไปเรียนแพทย์ กลับมาศิริราชเขาก็ไม่ให้ท่านรักษาคนไข้อนาถา ท่าน เลยขึ้นไปรักษาคนขี้เรื้อนที่เชียงใหม่ ไปอยู่กับพวกมิชชันเนอ รีเลย ท่านก็ไปสิ้นที่นั่น พระชนม์ยังน้อยอยู่เลย เป็นคนคิดนอกกรอบ อ.ปรีดีนับถือมากเลย เป็นเจ้าที่อยู่กับราษฎร"

"ต้องเข้า ใจนะครับ คณะรัฐประหาร 2490 โจมตี อ.ปรีดี หาว่าวางแผนฆ่าในหลวงรัชกาลที่ 8 ซึ่งเป็นความเท็จที่เขารู้กันทั่วไปแล้ว และ ก็ยกในหลวงขึ้นเพื่อจะอ้างว่าบ้านเมืองนี้จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ แต่จอมพล ป.แกกดพระมหากษัตริย์หมดเลยนะครับ แกเอามาอ้างเท่านั้นเอง แต่แกกด เป็นที่รู้กัน ในหลวงเสด็จฯ ไปต่างจังหวัดก็ไม่ได้นะครับ ไปได้เพียงหัวหินเท่านั้นเอง"

"ทีนี้จอม พลสฤษดิ์เอาชนะจอมพล ป. จอมพลสฤษดิ์ไม่มีข้ออ้างอะไรเลยนี่ครับ จอมพล ป.ยังอ้างว่าเล่นงาน อ.ปรีดีเพื่อรักษาสถาบัน สถาบันก็รักษาไป แล้ว และจอมพลสฤษดิ์ก็ไม่ต้องการประชาธิปไตย ฉะนั้นบอกอย่างเดียวเลย ต้อง ยกสถาบันศักดิ์สิทธิ์ ศักดิ์สิทธิ์แล้วคอมมิวนิสต์จะแพ้ มัน สมองคือหลวงวิจิตรวาทการ ยกกันสุดๆ เลย เรื่องกราบ นี่ก็สมัยจอมพลสฤษดิ์ทั้งนั้น เรื่องกราบนี่เลิกสมัยรัชกาลที่ 5 เสวยราชย์บรมราชาภิเษกครั้งที่ 2 ประกาศเลยให้เลิกกราบ เลิกหมอบทั้งหมด เพราะเป็นสัญลักษณ์ของความป่าเถื่อน เป็น สัญลักษณ์ผู้ใหญ่เอาเปรียบผู้น้อย สุจินดามันฟ้องผมคราวที่ แล้วเรื่องนี้ จะเอาผมเข้าคุก ผมอ้างพระราชดำรัสรัชกาลที่ 5 ยังเป็นกฎหมายอยู่ครับ ผมชนะคดีด้วยเหตุนี้"

"กฎหมายนี้ ยังไม่ได้แก้เลยนะ จอมพลสฤษดิ์เป็นเผด็จการมันทำผิดกฎหมาย ความ จงรักภักดีอยู่ที่กราบหรือ-ไม่ใช่ ความจงรักภักดีอยู่ที่ความ ซื่อสัตย์สุจริต อยู่ที่ปกป้องสถาบันวิพากษ์วิจารณ์สถาบัน นี่ ความจงรักภักดีที่แท้"

"หลัง 6 ตุลา ธานินทร์มาเปลี่ยนกฎหมายเรื่องหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ขั้นต่ำสุด 3 ปีเข้าคุก ขั้นสูงสุด 15 ปี แต่ก่อนไม่มีขั้นต่ำ สุดนะครับ และอย่างมาก 7 ปี การออกกฎหมายรุนแรงคนไม่สามารถแสดงความคิดเห็นต่างได้ อันตราย นะครับ เหมือนอย่างระบบของเราครูสอนหนังสือในชั้นเรียน เด็กมันเถียงไม่ได้ คุณ ก็นึกว่ามันรักคุณ พอถึงวันครูก็มีดอกมะเขือ หญ้า แพรกมาไหว้ครู เด็กมันด่าครูกันทั้งนั้นแหละครับ แต่มันด่าในใจ ผมก็ทำโรงเรียนมา เสมสิกขาลัย ผมสอนพิภพมาตั้งแต่สมัยโน้น ไอ้พวกนี้มันด่าผมต่อหน้าได้ทั้งนั้น นี่คือประชาธิปไตย เราจะได้รู้เวลามันด่าอะไรเรา เราจะได้ปรับปรุงเปลี่ยนแปลง"

คำว่า สถาบันเป็นสัญลักษณ์คนไทยยอมรับไม่ได้ คนไทยยังรู้สึกว่าพระเจ้าแผ่นดินยังควรมีพระราชอำนาจและเป็นที่พึ่ง

"ปัญหาว่า คนที่เข้าใจอย่างนี้เป็นคนซึ่งมีความสำคัญขนาดไหน ประเทศ อังกฤษ พระราชินีอังกฤษองค์นี้ท่านแก่กว่าในหลวงแต่ท่านเสวย ราชย์ทีหลัง เราคิดว่าคนอังกฤษมีการศึกษาดีกว่าบ้านเรา เขาทำสำรวจความคิดเห็นออกมา 30% ยังเชื่อว่าพระราชินีอังกฤษ พระผู้เป็นเจ้าตั้งมา ความเชื่อแบบโบราณยังมีเยอะแยะ ผมไม่ อยากให้คำนึงเรื่องนี้มาก คำนึงว่าบ้านเมืองวันนี้ต้องการมี ในหลวงเป็นสัญลักษณ์ไหม ถ้าเราไม่ต้องการมีก็พูดกันตรงไปตรง มานะ ทำลายน่ะไม่ยากเลย รักษาไว้นี่ยากกว่า ผมอยากจะถามพวกเสื้อแดง หลาย ฝ่ายในนั้นต้องการทำลาย ผมก็ถามพวกเสื้อแดง ถ้าคุณไปคิดทำลายล้างคุณก็เกิดอคติ เมื่อคุณมีอคติแล้วปัญญา ไม่เกิด ผมถามคุณถ้าทำลายล้างคุณจะเอาอะไรมาแทนที่ จะดีเท่าเก่าไหม ดีกว่าเก่าไหม ต้นไม้ตัดแป๊บเดียวก็หมด แต่ ปลูกต้องใช้เวลา 4-5 ปี รักษาไว้ไม่ดีกว่าเหรอ มีปลวกกินก็เอาปลวกออกซะ เพลี้ยกินก็เอาเพลี้ยออกซะ ตอน นี้ของเราทุกอย่างเลยนะ สถาบันสงฆ์ก็ผุกร่อนมาก ศาสนา พุทธในเมืองไทยตอนนี้เกือบจะเรียกได้ว่าไม่มีความหมายเลย เป็น แค่พิธีกรรม เป็นเพียงไสยเวทวิทยา เป็นพุทธพาณิชย์ มีแต่เรื่องสมณศักดิ์ วัดก็มีแต่ลานคอนกรีต สิ่งเดียวที่พระไม่เคยสร้างคือปลูกสร้างคน หาเณรใหม่ๆ มีความรู้ได้ไหม มีความสามารถได้ไหม เดิมเขามีกันมาทั้งนั้น"

คนอีกส่วน ก็ต้องการให้สถาบันคงความศักดิ์สิทธิ์อยู่

"ศักดิ์สิทธิ์ ผมว่าหมดสมัยแล้วนะ คนบางคนอาจจะเชื่อ อย่างในอังกฤษ 30% ยังเชื่ออยู่ ซึ่งสมัยหนึ่งคนก็เชื่อพระเจ้าจอร์จที่ 3 เหยียบผ้าเช็ดผ้ามา ทาตา ตาหายบอดเลย แต่สิ่งเหล่านี้ควรจะต้องเลิกได้แล้ว หม่อม เจ้าสิทธิพรสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ท่านท้าทายเลยว่าการแรกนามันผิด คุณ เอาข้าวกี่ชนิดมารวมกันไปปลูกมันเสียหมด แล้วก็เลิกนะพิธีแรก นา กลับมาในสมัยจอมพลสฤษดิ์นี่เอง เชื่อได้อย่างไรพระโคกินหญ้า พระ โคกินน้ำ เป็นสัญลักษณ์ได้ทำเป็นพิธีกรรมได้ แต่ มีอะไรที่มันดีกว่านี้ แจกข้าว มีการประกวดกัน นี่เป็นสัญลักษณ์"

บางคนก็ อยากให้สถาบันยังมีอำนาจ

"ถ้าเรา ต้องการให้สถาบันอยู่ ต้องไม่มีอำนาจหรือมีอำนาจน้อยที่สุด เพราะฉะนั้นผมถึงเสนอต้องไม่เกี่ยวข้องสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ต้องไม่เกี่ยวข้องกับธนาคารไทยพาณิชย์ ไม่เกี่ยว ข้องกับปูนซิเมนต์ไทย พวกนี้ค้าขายมันก็ต้องมีเอาเปรียบบ้างอะไรบ้าง อย่าไปยุ่ง อย่าไปเกี่ยวข้องกับพวกทหาร ตำรวจ เรื่องยศถาบรรดาศักดิ์ ต้องมีอำนาจน้อยที่สุด มีเงินน้อยที่สุด คนก็จะเกลียดน้อยที่สุด รัชกาลที่ 4 เสวย ราชย์ ท่านบอกท่านมีเงินอยู่พันชั่ง ชาวบ้านพูดพันชั่งนึกว่า รวย พันชั่งจริงๆ นะครับ แต่พวกบุนนาคเขามีไม่รู้กี่หมื่นชั่งกี่แสนชั่ง อำนาจอยู่ที่ พวกบุนนาคเขาคุมทั้งนั้น ในหลวงมีอะไร รัชกาลที่ 5 ดึงอำนาจ มาๆ และมาชนะพวกบุนนาคเมื่อกลางรัชกาลที่ 5 แล้ว พอท่านเริ่มมีอำนาจเต็มที่ ลูกท่านเสวยราชย์ปีเดียวกบฏครั้งแรกเลย รัชกาล ที่ 6 เสวยราชย์ปีเดียวกบฏเลย อีก 20 ปี รัชกาลที่ 7 ล้มเหลว"

"เวลานี้ อันตราย ทักษิณเขาพูดชัดเจนเลยนะเขาไม่ต้องการองคมนตรี ที่ จริงองคมนตรีมันไม่เป็นสัญลักษณ์ของประชาธิปไตย องคมนตรีมา พร้อมกับการล้มรัฐธรรมนูญ 2490 ทีแรกเรียกอภิรัฐมนตรีด้วย และบทบาทไม่ชัดเจนเลยครับ ตอนนี้ถ้าดูโดยรูปแบบเหมือนเป็นตัวแทนพระองค์ในทางพิธีกรรมเท่านั้นเอง และประชุมกันทุกวันศุกร์ ก็แล้วแต่ในหลวงส่งเรื่องมาให้ วินิจฉัย ตอนหลังท่านไม่ส่งมาเลย ก็เลยเป็นเครื่องประดับเท่านั้น เพราะแต่ก่อนท่านยังไม่มีประสบการณ์ ท่านจะฟังองคมนตรีตลอดเวลา องคมนตรีแต่ก่อนเขามีประสบการณ์ อย่างเจ้าพระยาศรีธรรมาธิ เบศร์ เคยเป็นเสนาบดีในรัชกาลที่ 7 ท่านฟังเขา ตอนนี้ท่านอยู่มา 60 ปีแล้ว พวกนี้สู้ท่านไม่ได้หรอก ก็เป็นเพียงไม้ประดับ"

"เรื่องพวก นี้มันต้องคุยกันทั้งนั้น แต่เราไม่เคยคุยกันเลย"

ที่มา ไทยโพสต์ : http://www.thaipost.net/tabloid/011109/12852



Tuesday, May 4, 2010

เว็บล็อกวิชาการต่างชาติเผยประสบการณ์นศ.ถูกศอฉ.สอบ ชี้หน่วยสืบราชการลับห่วย






เว็บล็อกนิว แมนดาลา (นวมณฑล) ได้เผยแพร่คำบอกเล่าของ 1 ใน 3 นักศึกษา ที่ถูกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เรียกตัวไปสอบสวนที่กรมทหารราบที่ 11 เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม โดยนักศึกษารายนี้ได้เปิดเผยถึงลำดับขั้นตอนในการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ว่า


ทหารได้เริ่มต้นอธิบายให้ผู้ถูกเรียกตัวเข้าไปสอบสวนทั้งหมดได้รับ ทราบว่า การสอบสวนครั้งนี้ไม่มีอะไรน่าหวาดกลัว พวกเขาเพียงแค่ต้องการขอความร่วมมือ และพวกเราก็ควรจะบอกเล่าข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ซึ่งสามารถช่วยเหลือประเทศให้กลับไปสงบสุขดังเดิม ให้เขาได้รับทราบ เจ้าหน้าที่ทหารยังกล่าวยืนยันด้วยว่าการเข้าไปข้องเกี่ยวหรือสนับสนุนกลุ่ม คนเสื้อแดงไม่ว่าในทางใดล้วนแล้วแต่เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และขบวนการเสื้อแดงควรจะถูกหยุดยั้งลงได้แล้วในเร็ววันนี้ ก่อนที่ทุกอย่างจะดำเนินไปนอกเหนือการควบคุม


การสอบสวนดำเนินไปใน 3 ขั้นตอน ขั้น ตอนแรก จะมีการสอบถามประวัติส่วนตัวทั่วไปของผู้ที่ถูกเรียกตัวเข้าไปสอบสวนโดยเจ้า หน้าที่ของดีเอสไอ การสอบถามจะดำเนินไปแบบหนึ่งต่อหนึ่ง จากนั้นผู้ถูกสอบสวนจะถูกสอบถามเพิ่มเติม หากเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการเสื้อแดงไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง คำถามที่เราต้องเจอจะมีอาทิเช่น คุณคิดว่าใครคือกลุ่มนักฆ่าชุดดำใน คืนวันที่ 10 เมษายน หรือ อะไรคือสาเหตุที่ทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงออกมาชุมนุมประท้วง เป็นต้น


ในขั้นตอนที่สอง จะเป็นการทดสอบด้วยปฏิบัติการจิตวิทยาพลเรือน (Civil Psychological Operation) โดยเจ้าหน้าที่จะสอบถามว่าเรารู้สึกอย่างไรกับการทดสอบ เรารู้สึกตกใจหรือหวาดกลัวหรือไม่ นักศึกษารายนี้ระบุว่า ขณะทำการทดสอบ เขา รู้สึกเหมือนมีป้าแก่ ๆ มาสั่งสอนตนเองไม่ให้ติดยาเสพติดมากกว่า


ขั้นตอนสุดท้าย นักศึกษาทั้ง 3 คน ได้กลับเข้ามาในห้องเดียวกันอีกครั้งหนึ่ง และต้องเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ 2 ราย เจ้าหน้าที่จะตั้งคำถามบางอย่างเกี่ยวกับกลุ่มคนเสื้อแดง เช่น แกน นำเสื้อแดงคนใดซึ่งนักศึกษาคิดว่ามีแนวโน้มที่จะโค่นล้มอำนาจสูงสุดของ ประเทศ หรือ ถ้านักศึกษามีความคุ้นเคยกับ "นายสุรชัย แซ่ด่าน" แล้วคุณมีหน้าที่อะไรในสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย เป็นต้น


นอกจากนี้ ตรงท้ายรายชื่อของนักศึกษาแต่ละคนในบัญชีรายชื่อของเจ้าหน้าที่ ยังมีการระบุข้อมูลสั้น ๆ ของพวกเขา ในกรณีของนักศึกษาผู้เปิดเผยข้อมูลรายนี้ ข้อมูลสั้น ๆ ในมือเจ้าหน้าที่ ระบุว่าเขาทำงานให้กับสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทยและมีส่วนร่วมใน กิจกรรมของกลุ่มแดงสยาม ทั้ง ๆ ที่เขาไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มการเมืองดังกล่าวเลย


นักศึกษารายนี้สรุปปิดท้ายว่า เขา รู้สึกเบื่อหน่ายและเสียเวลามากกว่าจะรู้สึกว่าตนเองถูกข่มขู่ในกรมทหารราบ ที่ 11 นอกจากนั้น เขายังเห็นว่าเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับของทางราชการปฏิบัติงานได้อย่าง ด้อยประสิทธิภาพอีกด้วย