Wednesday, January 5, 2011

สาว16+รับ"ขอโทษค่ะ หนูเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น"


ที่ห้องประชุมปารุสกวัน 2 กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เมื่อเวลา 08.45 น. วันที่ 5 ม.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี สาววัย 17 ปี ขับรถยนต์เก๋งฮอนด้า ซีวิค ชนท้ายรถตู้โดยสาร บนทางด่วนโทลล์เวย์ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 9 ราย และบาดเจ็บจำนวนมาก เมื่อค่ำวันที่ 27 ธันวาคม 2553 นั้น พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. (ดูแลงานกฎหมายและสอบสวน) ซึ่งรอรับการเข้ารับทราบข้อกล่าวหาของสาววัย 17 ปี พร้อมคณะ เปิดเผยว่า วันนี้ผู้ต้องหาได้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา โดยเบื้องต้นจะแจ้ง 2 ข้อหา คือ ข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้ชนรถผู้อื่น ได้รับความเสียหายมีผู้ถึงแก่ความตายและได้รับบาดเจ็บสาหัส และอีกข้อหาคือ ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่ ซึ่งข้อหานี้เป็นข้อหาเล็ก แต่ข้อหาหลักคือ ขับรถประมาท ซึ่งขั้นตอนก็จะรับมอบตัวและแจ้งข้อกล่าวหา เมื่อสอบปากคำเสร็จ พิมพ์มือเสร็จก็จะส่งสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนกรุงเทพมหานคร ภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นไปตามกฎหมาย จากนั้นทาง ผอ.สถานพินิจฯ จะดำเนินการ ตามขั้นตอน คือ สอบประวัติ ซึ่งคดีนี้ขึ้นอยู่กับศาลคดีเด็กและเยาวชนกลาง เพราะเป็นเยาวชนอยู่ ส่วนจะอายุ 16 หรือ 17 ปี ก็จะดูจากสูติบัตร จากนั้นทางสถานพินิจฯ จะควบคุมหรือให้ประกัน ก็อยู่ที่สถานพินิจฯ ทางพนักงานสอบสวน จะรวบรวมหลักฐานในชั้นของพนักงานสอบสวนเท่านั้น

“คดีนี้ไม่ได้หนักใจหรือกดดันอะไร พนักงานสอบสวนก็สอบไปตามหน้าที่ อย่างตรงไปตรงมา มีผมเป็นผู้ควบคุมดูแลอยู่ คดีนี้ที่ตัดสินใจแจ้งข้อหาฝ่ายเดียวเพราะชัดเจน และยังจะมีกล้องวงจรปิดบนโทลล์เวย์แล้ว ซึ่งถือเป็นพยานหลักฐานที่เป็นกลาง นอกจากนี้ยังมีประจักษ์พยาน คือ ผู้ได้ดู ได้รู้ ได้เห็น ในเหตุการณ์โดยตรง ไม่ได้มีใครมาเล่าให้ฟัง คือ ผู้รอดชีวิตในรถตู้ ซึ่งจะสอบปากคำทั้งหมดและยังมีพยานคนอื่นที่ขับรถตามมาและเห็นเหตุการณ์ โดยถือว่ามีความชัดเจน พนักงานสอบสวน จึงรวบรวมข้อหาเบื้องต้นและแจ้งข้อหาฝ่ายเดียว หมายความว่า ไม่ได้แจ้งว่ารถตู้ประมาทด้วย แต่หากมีพยาน หลักฐานภายหลัง เห็นว่าคนขับรถตู้ เกิดมีแอลกอฮอล์ปริมาณที่เกินกว่ากฎหมายกำหนด ก็อาจต้องแจ้งด้วย แต่เสียชีวิตไปแล้วก็จะเป็นการสั่งไม่ฟ้องไป แต่ต้องแจ้งให้ครบ ตอนนี้รอผลตรวจแพทย์อยู่” รองผบช.น. กล่าว



ต่อมาเวลา 09.20 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สาววัย 17 ปี พร้อมบิดา มารดา และคณะทนายความจำนวน 3 คน เดินทางโดยรถตู้สีขาว มาจอดที่ลานจอดรถ บริเวณโรงอาหารด้านหลัง บช.น. ก่อนเดินเข้าไปภายในห้องสอบสวน ซึ่งมี พล.ต.ต.อำนวย พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ รออยู่ โดยสาววัย 17 ปี สวมเสื้อชุดสีดำ แว่นตาดำ ประกบด้านซ้ายด้วยบิดา ส่วนด้านขวามารดาเดินประกบ โดยทั้งหมดมีสีหน้าเรียบเฉย แต่มารดามีสีหน้าค่อนข้างเคร่งเครียด เมื่อมาถึงก่อนทางเข้าห้องประชุม บรรดาสื่อมวลชนที่ปักหลักรออยู่ ทั้งโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ และวิทยุ ประมาณ 100 คนต่างรุมถ่ายภาพ โดยไม่มีผู้ใดเอ่ยปากให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด เมื่อเดินเข้าห้องประชุมแล้ว ทางพนักงานสอบสวนได้ปิดห้องทันที ก่อนจะนำป้าย “พื้นที่หวงห้าม” มาวางไว้ด้านหน้า เพื่อกันบรรดาสื่อมวลชนล่วงล้ำเข้าไปภายใน
ขณะเดียวกันในช่วงเวลา 10.00 น.นายสุพจน์ จินันทุยา อายุ 65 ปี เป็นอาของ นายภิญโญ จินันทุยา อายุ 34 ปี อาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมนางโทโมะโกะ นันโด ภรรยาผู้เสียชีวิต เดินทางมายัง บช.น. โดยนายสุพจน์ กล่าวว่า วันนี้เป็นเพียงการเดินทางมาสังเกตการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในเรื่องการ สอบปากคำ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ซึ่งการมาวันนี้ไม่ได้มาเพื่อเรียกร้องขอความธรรมใดๆทั้งสิ้น ซึ่งหากครอบครัวของผู้ต้องหาต้องการมาพูดคุยหลังสอบปากคำเสร็จ ตนก็ยังไม่พร้อมที่จะพูดคุยใด ๆ ทั้งสิ้น ส่วนสาเหตุที่ อาจารย์ภิญโญ ไม่ยอมซื้อรถนั้นเนื่องจากเงินเดือนไม่พอกับรายจ่าย จึงจำเป็นต้องโดยสารรถตู้ไปทำงานอีกทั้งยังเดินทางสะดวกด้วย
กระทั่ง 11.50 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจกันตัว สาววัย 17 พร้อมด้วย บิดา มารดา เดินออกจากห้องประชุมปารุสกวัน 2 ท่ามกลางกองทัพสื่อมวลชนจำนวนมาก โดยต่างคนต่างพยายามเข้าให้ถึงตัวสาววัย 17 ให้มากที่สุด โดยสาวน้อยพูดเพียงสั้นๆว่า “หนูขอไปพูดที่สถานพินิจแล้วกันคะ ตอนนี้หนูขอไปก่อน เดี๋ยวไปพูดที่สถานพินิจ” เมื่อถามว่ามีอะไรจะพูดขอโทษหรือไม่เธอ พูดว่า “ ขอโทษค่ะ หนูเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น มันเป็นอุบัติเหตุ”


ข่าวที่เกี่ยวข้อง :