Sunday, September 12, 2010

เก็บตกงาน 3.9G DNA :ห่วง 3G กระจุกตัว ทำคนจนจ่ายแพงและเสียโอกาส


คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) จัดสัมมนาเชิงวิชาการในงานมหกรรมเทคโนโลยีการสื่อสาร 3.9 G โดยมีการเสวนาของ ”เครือข่ายพลเมืองเน็ต” หัวข้อ "สิทธิพลเมืองกับ 3G” ผู้เข้าร่วมเสวนาส่วนใหญ่มีส่วนในการผลักดันเทคโนโลยี 3G อาทิ นายต่อพงษ์ เสลานนท์ ประธานคณะทำงานด้านกิจการที่ไม่ใช้คลื่นความถี่ ในคณะอนุกรรมการกทช. ดร.นวลน้อย ตรีรัตน์ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย น.ส.สารี อ๋องสมหวัง ผู้จัดการมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภค โดย น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ ผู้ประสานงานเครือข่ายพลเมืองเน็ตเป็นผู้ดำเนินรายการ
ทั้งนี้ที่ประชุมส่วนใหญ่สนับสนุนให้มีการประมูลใบอนุญาต 3G ในประเทศไทย เพราะล้าหลังมานานแล้วเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศต่างๆในเอเชีย โดยเฉพาะญี่ปุ่นที่ใช้ 3G เป็นประเทศแรกของโลกตั้งแต่ปี 2001 แต่ก็เป็นห่วงว่าพลเมืองที่จะใช้ 3G ต้องมีภูมิความรู้เท่าทันเทคโนโลยีไม่ให้กลายเป็นเหยื่อของเทคโนโลยี
นายต่อพงษ์ กล่าวว่า การใช้ 3G จะเป็นโอกาสที่คนพิการจะเข้าถึงข้อมูลข่าวสารมากขึ้น แต่ต้องเก็บค่าใช้จ่ายไม่แพงเกินไป เพราะคนยากจนจะได้มีโอกาสใช้ประโยชน์ ที่สำคัญต้องรู้เท่าทันเทคโนโลยี 3G ทั้งด้านดีและด้านลบ เช่น การหลอกขายของที่วันนี้กลายเป็นเรื่องปกติที่มาพร้อมกับอินเตอร์เน็ต
ด้าน ดร.นวลน้อย กล่าวว่า ปัญหาของการใช้อินเตอร์เน็ตวันนี้คือการกระจุกตัวของผู้ใช้ โดยหากมองว่าประชากร 25 เปอร์เซนต์ของประเทศเป็นผู้ใช้อินเตอร์เน็ตก็คงไม่น่าแปลกใจ แต่ถ้ามองให้ลึกลงไปจะพบว่าใน 25 เปอร์เซนต์นั้น 80 เปอร์เซนต์อยู่ใน กทม. ดังนั้นหากจะให้ 3G เป็นเครื่องมือกระจายความรู้ ข้อมูล ไปสู่ประชาชนในชนบท กทช.ต้องตอบโจทย์การกระจายตัวของเทคโนโลยีให้ได้ นอกจากนี้ค่าบริการอินเตอร์เน็ต ที่ยังแพงเกินไป ยังเป็นอุปสรรคขัดขวางไม่ให้คนยากจนเข้าถึง 3G โดยเฉพาะระบบพรีเพด (จ่ายก่อนใช้) เดือนละ 170 บาท ขณะที่รายได้ของคนที่อยู่เส้นความยากจนอยู่ที่ 1,200 บาทต่อเดือน ดังนั้นค่าบริการเกิน 10 เปอร์เซนต์ถือว่าแพงเกินไป กลายเป็นความเหลื่อมล้ำในด้านโอกาส
ขณะที่ น.ส.สารี กล่าวว่า ที่ผ่านมามีคนร้องเรียนเรื่องปัญหาการใช้โทรศัพท์น้อยมาก ทั้งที่มีปัญหาการคิดเงินไม่ถูกต้องจำนวนมาก รวมทั้งการส่ง SMS ตามอำเภอใจ ทั้งที่ผู้รับบริการไม่สมัครใจ ดังนั้นอยากให้ประชาชนที่พบปัญหาหรือถูกเอาเปรียบไปแจ้งปัญหาต่อ กทช.ให้มากๆเพื่อกดดันให้ต้องมาแก้ปัญหาให้ประชาชน