Friday, September 24, 2010

โอบาม่านำสหรัฐและชาติตะวันตกวอล์คเอาท์หลังผู้นำอิหร่านกล่าวหาจัดฉาก11กย.


ประธานาธิบดีบารัค โอบาม่าของสหรัฐฯ และประธานาธิบดีมาห์มุด อาห์มาดีเนจ๊าดของอิหร่าน ต่างกล่าวหาซึ่งกันและกันในการประชุมสุดยอดประจำปีของบรรดาผู้นำโลก ที่สำนักงานใหญ่ของสหประชาชาติที่นครนิวยอร์ค เมื่อวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น เรื่องโครงการนิวเคลียร์ของแต่ละประเทศ แต่ต่างยังเปิดช่องที่จะมีการเจรจาต่อรองกันต่อไปเรื่องปัญหาโครงการ นิวเคลียร์อิหร่าน
ผู้นำอิหร่านได้สุนทรพจน์กล่าวหาด้วยว่า มีบางหน่วยงานในรัฐบาลสหรัฐที่ได้ก่อเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน ปี 2534 ในสหรัฐฯเอง ทำให้คณะผู้แทนของสหรัฐวอล์คเอาท์ออกจากที่ประชุมเพื่อประท้วง รวมทั้งคณะผู้แทนจากสมาชิกทั้ง 27 ชาติของสหภาพยุโรป และผู้แทนของออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนาดา และคอสตาริก้า
สำหรับเรื่องนิวเคลียร์นั้น ผู้นำอิหร่านได้กล่าวพาดพิงสั้นๆถึงการที่อิหร่านถูกสหประชาชาติใช้มาตรการ คว่ำบาตรเพราะโครงการนิวเคลียร์ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า สนธิสัญญาห้ามแพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์ หรือ NPT อนุญาตให้ทุกชาติที่ร่วมลงนามใช้พลังงานนิวเลียร์ในทางสันติได้
เขากล่าวว่า มีบางชาติสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงที่มีระเบิดนิวเคลียร์ รวมทั้งยังคงมีไว้ ขยายและอัพเกรดคลังแสงนิวเคลียร์ พร้อมระบุว่าสหรัฐฯได้ใช้เงิน 80,000 ล้านดอลลาร์ สร้างคลังแสงนิวเคลียร์ของตน แต่ก็ปิดท้ายว่า อิหร่านพร้อมเจรจากับสหรัฐฯ อียุและตัวแทนประชาคมนานาชาติอื่นๆ บนพื้นฐานของความยุติธรรมและการให้ความเคารพกัน
ด้านประธานาธิบดีโอบาม่าผู้ได้กล่าวสุนทรพจน์ในช่วงเช้าและออกจากที่ประชุม โดยไม่อยู่ฟังสุนทรพจน์ของผู้นำอิหร่านในช่วงบ่าย ได้กล่าวตอบโต้ว่า อิหร่านเป็นชาติเดียวใน NPTที่ไม่อาจแสดงให้เห็นว่าโครงการของตนมีเป้าหมายในทางสันติ แต่ก็บอกว่าประตูทางการฑูตก็ยังเปิดอยู่ หากอิหร่านเลือกที่จะเดินผ่าน