นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ไออาร์พีซี เชื่อว่า ขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยอยู่ที่อันดับ 48 ของโลก หรืออันดับ 3 ในอาเซียน รองจากสิงคโปร์ และมาเลเซีย สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากมาตรการการอุดหนุนราคาสินค้า เช่น ราคาพลังงาน โดยเฉพาะก๊าซธรรมชาติ หรือ เอ็นจีวี ที่กำหนดราคาเพียงกิโลกรัมละ 8.50 บาท และหากเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี ประเทศสมาชิกจะมาซื้อก๊าซราคาถูกในไทยเป็นจำนวนมากจนเกิดปัญหาขาดแคลน การอุดหนุนราคาสินค้าในประเทศ จึงถือเป็นอุปสรรคในการเตรียมพร้อมของภาคอุตสาหกรรม และประชาชน สู่การเปิดเออีซี
ขณะที่ นายชายน้อย เผื่อนโกสุม รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การตื่นตัวและยกระดับอุตสาหกรรมไปสู่อุตสาหกรรมสีเขียว ภายใต้กรอบเออีซี ทำให้ไทยต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่สิ่งสำคัญคือ ทำอย่างไรให้ได้รับการยอมรับ หรือแข่งขันได้ในตลาด จากต้นทุนที่แพงกว่าสินค้าปกติ ขณะเดียวกัน ประเทศที่มีความพร้อมในอาเซียน จะต้องถ่ายทอดความรู้ด้านนี้ให้ประเทศสมาชิก เพราะในอนาคตประเทศคู่ค้าจะมองสินค้าเป็นภูมิภาค แทนที่จะพิจารณาว่ามาจากประเทศใดประเทศหนึ่ง
ส่วนนายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานด้านการบริหารและเทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัท บางจากปิโตรเลียม เสนอว่า รัฐบาลควรผลักดันให้ไทยมีบทบาทชัดเจนในการเป็นผู้นำอุตสาหกรรมของอาเซียน เพื่อเป็นโอกาสในการขยายตัวด้านอุตสาหกรรม โดยเฉพาะข้อได้เปรียบของไทย คือ ด้านพืชพลังงาน และสามารถเปิดเป็นศูนย์กลางเอทานอลของภูมิภาคได้ หากเพิ่มความต้องการใช้เอทานอลในประเทศเพื่อนบ้าน
