พล.ต.ต.อธิลักษณ์ ตันชูเกียรติ อดีตผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร (กทม.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ปปช.) ส่งทนายฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในคดีฮั้วประมูล รถ-เรือดับเพลิง มูลค่า 6,687,489,000 บาท ว่า หากศาลรับฟ้อง ตนก็ให้ทนายจัดการเรียบร้อยแล้ว ไม่มีปัญหา ตนไม่เคยทุจริต ไม่มีอะไรกังวล เพราะได้ทำตามหน้าที่ เรื่องนี้ตนก็ไม่เคยเป็นคนอนุมัติโครงการ ผู้ใหญ่เป็นคนเสนอเรื่อง ตนไม่ได้เป็นคนคิดเอง เมื่อผู้ใหญ่ตกลงซื้อ ตนก็ทำหน้าที่ในตอนนั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องการเมือง เพราะถ้าไม่มีการฟ้องตนก็จะไม่รู้จะไปฟ้องใคร
พล.ต.ต.อธิลักษณ์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาตนขอถามปปช.ว่ารู้ได้อย่างไรว่าโครงการนี้มีมูลค่าสูง แล้วตอนนี้หาได้หรือไม่ว่าบริษัทไสตเออร์ขายให้ที่ไหนถูกกว่ากัน เรื่องนี้ถ้าไม่ต้องการซื้อแล้วนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) อดีตผู้ว่าฯกทม.ไปเปิดแอลซีทำไม เพราะสัญญาก็ระบุชัดว่าถ้าไม่มีการเปิดแอลซีก็สามารถยกเลิกโครงการทั้งหมด ได้ ตนก็ไม่มีอำนาจเปิด ถ้าผู้ว่าฯกทม.ขณะนั้นไม่สั่ง แต่ในสมัยนายสมัคร สุนทรเวช อดีตผู้ว่าฯกทม.ขณะนั้น ก็สั่งให้มีการเปิดแอลซี ตนก็ทำตาม แต่พอนายอภิรักษ์ได้เป็นผู้ว่าฯกทม. ก็ไปเปิดแอลซี และก็มายกเลิก จนกระทั่งก็มีการเปิดแอลซีอีกครั้ง เรื่องก็เป็นปัญหาขึ้นมา เพราะถ้าไม่เปิดทุกอย่างก็จบ
“ ผมเกษียณไปนานแล้ว ไม่เกี่ยวอะไร สัญญาต่อรองกันเลอะเทอะ แต่ผมไม่เกี่ยว ที่ผ่านมาปปช.ก็ไม่เคยเรียกผมไปสอบ แต่กลับมาชี้ว่าผมผิด ผิดก็ผิด ระดับผมไม่มีปัญญาใช้เงินซื้อ 6 พันล้าน ฝันยังไม่ถึงเลย ผมไม่กลัว ผมไม่ทุจริต บาปกรรมมันมีจริง ให้มาเช็คธุรกรรมการเงินผมได้ และถามว่าผมรู้จักกับนักการเมืองหรือไม่ ถ้ารู้จักนายประชา (มาลีนนท์ อดีต รมช.มหาดไทย) นายโภคิน (พลกุล อดีต รมว.มหาดไทย) หรือนายสมัคร แต่ทำไมผมไม่เป็นใหญ่เป็นโต ชีวิตผมไม่เคยสนใจการเมือง ขออยู่เฉยๆ ถ้าผมร่วมมือกับพวกนี้ ผมก็เป็นใหญ่เป็นโตไปแล้ว ” พล.ต.ต.อธิลักษณ์ กล่าว
