เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 14 ธ.ค.ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถไฟ ขบวนรถด่วนกรุงเทพ-ตรัง ขบวนที่ 83 ตกรางที่บริเวณ หมู่ 10 ต.นาท่ามเหนือ อ.เมือง จ.ตรัง จึงเดินทางไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุพบรถไฟขบวนดังกล่าว เดินทางจาก กทม. ปลายทางที่สถานีรถไฟตรัง สภาพโบกี้รถไฟได้ตกลงมาจากราง จำนวน 6 โบกี้ ประกอบด้วยตู้เสบียง 1 โบกี้ ตู้รถไฟปรับอากาศชั้น 2 ตกราง 3โบกี้ และ ตู้นอนปรับอากาศชั้น 1 ตกราง 2 โบกี้ ไม่มีผู้โดยสารและเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ มีแค่อาการตกใจเล็กน้อย ในขณะที่พนักงานขับรถไฟขบวนดังกล่าว ระบุว่า สาเหตุน่าจะเกิดมาจากรางรถไฟที่เสื่อมสภาพ เนื่องจากใช้งานมาเป็นเวลามากกว่า 50 ปี ได้ชำรุดและขาดออกจากกันประมาณ 50 เมตร ทำให้ขบวนรถไฟไม่สามารถวิ่งต่อไปได้ นอกจากนี้ยังประกอบไปด้วยสาเหตุที่สภาพดินอ่อนนุ่ม จากสภาวะฝนตกหนักติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน ทำให้ดินสามารถรองรับรางรถไฟในสภาพที่ไม่ปกติ โดยการประเมินมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นคาดว่า เสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา รถไฟขบวนที่ 167 วิ่งระหว่าง กรุงเทพฯ-กันตัง ได้ประสบอุบัติเหตุตกราง เนื่องจากสาเหตุ หัวรถจักรได้ตกรางและลากเป็นความยาวกว่า 200 เมตร มีน๊อตขาดมากกว่า 3 จุด ที่บริเวณหมู่ที่ 2 ต.บางหมาก อ.กันตัง จ.ตรัง แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ทั้งนี้การรถไฟแห่งประเทศไทยเพิ่งมีนโยบายในการซ่อมแซมปรับปรุงรางรถไฟ ตั้งแต่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช จนถึงสถานีกันตัง จ.ตรัง เป็นระยะทางกว่า 100 กิโลเมตรเมตร โดยอนุมัติงบประมาณกว่า 700 ล้านบาท เพื่อซ่อมแซมรางรถไฟจากเดินที่ใช้รางรถไฟขนาด 60 ปอนด์เปลี่ยนเป็น 100 ปอนด์ และเปลี่ยนไม้หมอนมาเป็นคอนกรีต เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งและคงทนรองรับการขนส่งให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด นายประหยัด กาญจน์โสภณ นายสถานีรถไฟตรัง กล่าวว่า จากการที่รถไฟตกราง ส่งผลให้ขบวนรถด่วนไม่สามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติ ส่วนขบวนรถเร็วยังสามารถวิ่งได้ ซึ่งคาดว่าวันพรุ่งนี้จะมีการซ่อมแซมรางรถไฟ จนสามารถเปิดใช้งานได้ตามปกติ
