จากกรณีรถตู้โดยสารสายมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต-อนุสาวรีย์ชัย สมรภูมิ ถูกรถเก๋งฮอนด้าซีวิค ชนท้ายบนทางด่วนโทลล์เวย์ฝั่งขาเข้า ก่อนเสียหลักพลิกคว่ำพุ่งไปชนขอบปูนข้างทางจนพังยับ-ประตูเปิดออกเหวี่ยงผู้ โดยสารกระเด็นตกลงมาตายบนถนนวิภาวดีรังสิต 8 ศพ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 7 ราย นำตัวส่งโรงพยาบาลวิภาวดี ซึ่งศพผู้เสียชีวิต 1 ใน 9 ศพ คือน.ส.สุดาวดี นิลวรรณ อายุ 20 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บุตรสาวของ พ.ต.อ.ศรัญ นิลวรรณ ผกก.สภ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี ซึ่งล่าสุดทีมทนายความได้ออกมาปฎิเสธว่าผู้ต้องหาไม่ได้เฉี่ยวชนรถตู้นั้น
ล่าสุด พ.ต.อ.ศรัญ นิลวรรณ ผกก.สภ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี ปัจจุบันย้ายมาดำรงตำแหน่ง ผกก.สภ.เมืองอุบลราชธานีพ่อของน.ส.สุดาวดี นิลวรรณ กล่าวถึงการออกมาปฎิเสธของทีมทนายฝ่ายจำเลยว่าไม่ได้ขับรถเฉี่ยวชนรถตู้ โดยสารว่าในฐานะที่เป็นตำรวจ เรื่องดังกล่าวสามารถตรวจสอบได้จากกล้องวีดีโอวงจรปิดในวันเกิดเหตุ และเท่าที่ติดตามข่าวช่วงเกิดเหตุแรกๆ สาวอายุ 17 ที่ขับรถเองก็ออกมายอมรับว่าได้ขับรถเฉี่ยวชน ซึ่งการออกมาปฎิเสธของทีมทนายความนั้น ถือเป็นสิทธิที่ผู้ต้องหาสามารถทำได้ ซึ่งก็เป็นแนวทางการต่อสู้คดีของทีมทนาย แต่ก็สงสัยว่าทำไมเมื่ออ้างว่าไม่ได้ขับรถเฉี่ยวชนจะต้องออกมาพูดความจริง ตั้งแต่เกิดเหตุใหม่ๆ โดยยังมีความเชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของคดีถึงขบวนการ การสอบสวนเพราะเป็นคดีจราจร ไม่มีเรื่องซับซ้อน มีทั้งพยานบุคคลที่ผู้รอดชีวิตในรถตู้รวมถึงภาพวงจรปิดที่เกิดเหตุคงมีความ ชัดเจน ซึ่งเชื่อว่าการดำเนินการคงจะต้องตรงไปตรงมา นอกจากนี้จะเข้าไปช่วยทีมทนายของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่ตั้งขึ้นมาด้วย พ.ต.อ.ศรัญ นิลวรรณ ผกก.สภ.เมืองอุบล กล่าวถึงการติดต่อพูดคุยในเรื่องค่าเสียหายและค่าจัดการศพจาก พ่อ แม่เด็กคนขับรถเก๋งนั้นไม่เคยได้รับการติดต่อพูดคุยในเรื่องนี้แต่อย่างใด ซึ่งในที่สุดก็คงจะต้องฟ้องคดี
